ทันทีที่รัฐบาลออกสารพัดมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 บรรยากาศทางเศรษฐกิจระอุแดดก็เหมือนได้รับสายลมเย็นๆ ให้ชื่นใจและผ่อนคลาย ซึ่งล่าสุด กระทรวงการคลังได้ออกมาตรการดูแลและเยียวยาฯ ระยะที่
3 ภายใต้กรอบวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งจะมีการออกพระราชกำหนด
(พ.ร.ก.) 3 ฉบับ โดยแบ่งเป็น 1.(ร่าง) พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อดูแลและเยียวยาเศรษฐกิจ
วงเงิน 1 ล้านล้านบาท วงเงินนี้แบ่งเป็นการเยียวยาประชาชน เกษตรกร และระบบสาธารณะสุข 6 แสนล้านบาท และแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 4 แสนล้านบาท
รวมทั้งให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
บริหารจัดการสภาพคล่องและปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจให้ตรงกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด
19 โดยออก (ร่าง) พ.ร.ก.อีก 2 ฉบับ คือ (ร่าง)
พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
และ (ร่าง)
พ.ร.ก.การสนับสนุนสภาพคล่องเพื่อดูแลเสถียรภาพตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน ให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
โดยจัดสรรวงเงิน 9 แสนล้านบาท ภายใต้
4 มาตรการ แบ่งเป็น 2 มาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ SME วงเงิน 5 แสนล้านบาท และ 2 มาตรการ
เสริมเสถียรภาพตลาดทุนและตราสารหนีเอกชน 4 แสนล้านบาท
รายละเอียดตามลิงค์นี้ : แบงค์ชาติ เพิ่มมาตรการช่วย SMEs และตลาดตราสารหนี้
ในที่นี้จะโฟกัสที่ (ร่าง)
พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
ซึ่งแบ่งเป็น 2 มาตรการที่ SMEs จะต้องทำความเข้าใจอันประกอบด้วย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
มาตรการที่ 1. การเลื่อนกำหนดการชำระหนี้สำหรับธุรกิจ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน
100 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อช่วยให้ SMEs มีสภาพคล่อง
โดยธุรกิจ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
(ธนาคาร) แต่ละแห่งไม่เกิน 100 ล้านบาท ได้รับสิทธิ์เป็นการทั่วไป
ไม่ต้องชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยในช่วง 6 เดือนนี้
ที่ผ่อนปรนไม่ถือว่าเสียประวัติข้อมูลเครดิต
ความหมายคือ กู้ไม่เกิน 100
ล้านบาทพักหนี้ให้ 6 เดือน ไม่เสียเครดิต
โดยติดต่อพักหนี้ได้ที่ธนาคารที่เป็นลูกค้า แต่สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่ไม่ได้รับผลกระทบในช่วงนี้
และยังมีศักยภาพพอในการชำระหนี้ ก็ควรชำระหนี้ตามปกติ
เพราะมาตรการที่ระบุในข้างต้นเป็นเพียง 'การเลื่อนกำหนดวันชำระหนี้’
เท่านั้น ธนาคารยังคงคิดดอกเบี้ยอยู่
มาตรการที่ 2. การสนับสนุนสินเชื่อใหม่
(soft loan) ให้แก่ธุรกิจ SMEs วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 500 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่อง
อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนพิเศษร้อยละ 2 ต่อปี โดยไม่คิดดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนแรก
อธิบายแบบง่ายๆ คือ แบงค์ชาติอนุมัติสินเชื่อให้ธนาคารในอัตราดอกเบี้ยต่ำที่
0.01 ต่อปี กรอบวงเงินรวม 5 แสนล้านบาท
เพื่อให้ธนาคารนำเงินดังกล่าวไปปล่อยสินเชื่อให้ SMEs เพื่อเสริมสภาพคล่องในอัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 2 ต่อปี เฉพาะธุรกิจในประเทศและมีวงเงินสินเชื่อกับธนาคารแต่ละแห่งไม่เกิน 500 ล้านบาท โดยรัฐบาลจะรับภาระดอกเบี้ยให้ 6 เดือนแรกให้ (จ่ายต้นบวกดอก 1ปี 6
เดือน หลัง)
โดย SMEs แต่ละรายสามารถขอกู้ได้ไม่เกินร้อยละ 20 ของยอดหนี้คงค้าง นับยอดจากธันวาคม
2562 รวมทั้งมีสถานะเป็นลูกหนี้ดี คือ มีการผ่อนชำระปกติ หรือค้างชำระไม่เกิน 90
วัน (ยังไม่เป็น NPL นับ 3 เดือนย้อนหลัง คือ ณ วันที่
31 ธันวาคม 2562)
สำหรับ SMEs ที่สนใจสามารถขอสินเชื่อได้ที่ธนาคารที่ท่านเป็นลูกค้าอยู่
และมีวงเงินสินเชื่ออยู่
โดยธนาคารจะพิจารณาความจำเป็นและความเหมาะสมในการใช้เงินด้วย
ซึ่งสินเชื่อดังกล่าวเป็นสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง เพื่อใช้เป็นเงินหมุนเวียนสำหรับธุรกิจตามเจตารมณ์ของรัฐบาล
โดยทางธนาคารที่ท่านเป็นลูกค้าจะให้คำปรึกษาแนะนำลูกค้าผู้ประกอบการ
ทั้งในการปรับโครงสร้างหนี้ ปรับแผนการผ่อนชำระหนี้ให้สอดคล้องกับรายได้
และช่วยจัดโครงสร้างทางการเงินที่เหมาะสมกับธุรกิจของ SMEs
อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ไม่ครอบคลุมถึงบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
(SET และ MAI)