‘สไมล์ไมเกรน’ แอปฯ พิชิตอาการปวด ตอบโจทย์การแพทย์ยุคใหม่

‘ไมเกรน’ โรคฮิตตามติดชีวิตคนทำงาน โรคที่ไม่ใช่แค่อาการปวดหัวทั่วไป ด้วยเกิดจากการกระตุ้นของ แสง สี เสียง ความเครียด ทำให้อาการปวดมีความรุนแรงและเรื้อรัง และก่อให้เกิดปัญหาทุพพลภาพสูง นอกจากนี้ยังพบว่าคนไข้โรคไมเกรนมักจะมีปัญหาเพราะขาดความรู้ความเข้าใจ และการเข้าถึงแพทย์ระบบประสาทที่มีเพียงน้อยนิด จนทำให้เกิดการรักษาที่ผิดวิธี ทั้งการซื้อยามารับประทานเอง จนก่อให้เกิดปัญหาตามมา อาทิ โรคปวดศีรษะเรื้อรังอันเกิดจากใช้ยาแก้ปวดมากเกินไป (Medication Overuse) หรือเรียกภาษาชาวบ้านว่าภาวะสมองติดยาแก้ปวด โรคกระเพาะอาหารอักเสบ รวมไปถึงโรคร่วมที่พบได้บ่อยในคนไข้ไมเกรน เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคนอนไม่หลับ ดังนั้นการมีความรู้ และความเข้าใจ อย่างถูกต้อง จึงเป็นพื้นฐานสำคัญของการเริ่มต้นสังเกตพฤติกรรมตนเอง ให้ห่างไกลจากโรคไมเกรนได้ดียิ่งขึ้น 

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

.

จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทและสมอง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่จบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคปวดศีรษะจาก University College London (UCL) ทำงานรักษาคนไข้ไมเกรนมากว่า 15 ปี ได้ก่อตั้ง ‘สไมล์ไมเกรน (Smile Migraine)' ขึ้น ร่วมกับ คุณณิชชนารถ ชุ่มมะโน

.

โดยพัฒนาการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย และสร้างแอปพลิเคชันสไมล์ไมเกรนสำหรับคนไข้ไมเกรน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการติดตามอาการปวดศีรษะ วัดระดับความรุนแรงของโรคไมเกรนและสามารถปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญได้อย่างสะดวก ทุกที่ ทุกเวลา เพื่อให้ชาวไมเกรน ได้มีนวัตกรรมในการรักษาที่มีประสิทธิภาพ การันตีฝีไม้ลายมือจากโครงการสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยประจำปี 2564 รอบภูมิภาค (Thailand INNO BIZ Champion 2021 Regional Round) โครงการ ‘นิลมังกรแคมเปญ’ โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA โดยได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ของภาคเหนือ

.

3 โมเดลธุรกิจ ตอบโจทย์ตลาดด้านสุขภาพ

สไมล์ไมเกรน ถือเป็นธุรกิจด้าน ‘Health Tech’ ที่นำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตให้กับผู้คน และยกระดับความก้าวหน้าของวงการแพทย์ ด้วยการแบ่งโมเดลธุรกิจออกเป็น 3 ส่วน คือ

1. วิเคราะห์อาการพร้อมวางแผน รับปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ และผ่านทางแชทบอท

2. เป็นที่ปรึกษาผ่านการแมชชิ่งกับกลุ่มร้านขายยา ซึ่งจะได้ส่วนแบ่งรายได้จากการจำหน่ายยา-ค่าปรึกษาแพทย์

3. สร้างผลิตภัณฑ์ลดอาการปวดไมเกรน เช่น อาหารเสริม สมุนไพร อุปกรณ์ต่างๆ จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์

.

แอปพลิเคชัน ช่วยพิชิตอาการปวด

สำหรับแอปพลิเคชัน ‘Smile Migraine’ มีฟีเจอร์ที่จะช่วยชาวไมเกรนสามารถบันทึก ติดตาม และวิเคราะห์สถานะไมเกรนได้ด้วยตนเอง ผ่านระบบการวิเคราะห์ผลที่ออกแบบโดยแพทย์เฉพาะทาง จะช่วยวิเคราะห์ระดับความรุนแรงของโรค แสดงผลสถานะต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น ปรับพฤติกรรม ควบคุมการทานยาแก้ปวด และหากมีคำถามสงสัยเกี่ยวกับเรื่องไมเกรน สามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญภายในแอปพลิเคชันได้ทันที  

โดยแอปพลิเคชันจะมีทีมคอยให้คำปรึกษาทั้งแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด คิดค่าบริการรายเดือนในราคา 169 บาท แต่หากใครสนใจเป็นสมาชิกรายปี คิดค่าบริการเหลือเพียงเดือนละ 82 บาท พิเศษ สำหรับผู้ใช้ใหม่ ตอนนี้ทางสไมล์ ไมเกรน ได้มีโปรโมชันในเดือนแรกเหลือเพียง 49 บาทเท่านั้น

นอกจากจะมีค่าบริการในการปรึกษาแพทย์แล้ว ยังจะได้ค่าส่วนแบ่งจากการจำหน่ายยา จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมด้านไมเกรนเพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมทั้งอีโคซิสเต็ม ไม่ว่าจะเป็น นวัตกรรมแว่นตากรองแสง ครีมระงับปวด  จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์

“เราไม่ได้ขายแอปฯ หรือขายบริการด้านแอปฯ อย่างเดียว เราทำผลิตภัณฑ์ขายด้วย เรามี Migra Shop ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่ได้รับการพัฒนาและคัดสรรมาอย่างดีอ้างอิงตามหลักฐานทางการแพทย์ว่าสามารถช่วยรักษาไมเกรน ซึ่งถือเป็นรายได้หลักก่อนที่แอปฯ จะออกมาให้บริการเก็บเงินด้วยซ้ำ”

ปัจจุบันมีผู้ใช้งานที่ให้สไมล์ไมเกรนดูแลแล้วกว่า 120,000 คน ที่เข้าร่วมเป็นกำลังใจ และเป็นเพื่อนช่วยแบ่งปันประสบการณ์ให้แก่ชาวไมเกรน

.

สร้างเครือข่าย ยกระดับความก้าวหน้าของวงการแพทย์

ต่อยอดธุรกิจด้วยการสร้างเครือข่ายทางการแพทย์ที่เชื่อมโยงกันของผู้ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักกายภาพบำบัด เพื่อสร้างระบบนิเวศในการรักษาโรคไมเกรน ผ่านการติดต่อร้านขายยากว่า 10 แห่ง เพื่อจ่ายยาและติดต่อสื่อสารพร้อมกับประเมินคนไข้ โดยมีการนำร่องที่จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งยังได้มีการพัฒนาบริการเภสัชกรรมทางไกล (Telepharmacy) เพื่อนำมาประยุกต์ใช้อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีการทำ B2B ร่วมกับโรงพยาบาล ในการใช้เครื่องมือติดตามอาการคนไข้ให้กับโรงพยาบาล ทำให้การรักษาสะดวก และมีประโยชน์มากขึ้น

“เครือข่ายที่เราเชื่อมโยงจะเข้ามาให้คำปรึกษา ซึ่งคุณหมอก็จะได้รับค่าบริการ และมองว่าหมอทุกคนต้องรักษาไมเกรนได้ จึงมีการสร้างเครือข่ายร่วมกับบริษัทยาที่ดูแลเกี่ยวกับไมเกรน โดยต่อไปจะมีการจัดตั้ง ไมเกรนอะคาเดมี่โปรแกรม คือ แนะนำการรักษาไมเกรนให้หมอทุกคนสามารถรักษาไมเกรนได้”

.

สร้างคอมมูนิตี้ผ่าน ‘เฟซบุ๊ก’ ส่งต่อความสำเร็จด้านการตลาด

.

หากมองภาพรวมของตลาดไมเกรน นับว่าเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในประเทศไทย มีขนาดตลาดคนเป็นไมเกรนกว่า 10 ล้านคน ซึ่ง ‘สไมล์ไมเกรน’ ถือเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่ครบวงจรของอีโคซิสเต็มด้านไมเกรน

ในอนาคต ตลาดกลุ่มนี้อาจจะเพิ่มขึ้นอีก เพราะสิ่งแวดล้อมต่างๆ เอื้อที่จะเกิดไมเกรน สไมล์ไมเกรน จึงทำการตลาดในการสร้างความรับรู้ ด้วยการทำคอนเทนต์ผ่าน Facebook, YouTube, Clubhouse, Podcast เพื่อให้ความรู้จนเกิดเป็นความสัมพันธ์ต่อกันของคนไข้ไมเกรน ปัจจุบันเฟซบุ๊กถือเป็นคอมมูนิตี้หลักที่มีคนติดตามประมาณ 1.2 แสนคน มีผู้เช้าชมต่อเดือนประมาณ 1 ล้านคน

.

“เราจะมีกลุ่มไมเกรนคลับที่คอยให้กำลังใจซึ่งกันและกันสำหรับชาวไมเกรน ทำให้เกิดการมีส่วนร่วม และบอกต่อกัน ซึ่งเมื่อเกิดการสร้างกลุ่มก็ส่งผลไปถึงแบรนด์ให้เติบโตขึ้นด้วย และเราทำการตลาดผ่านวิดีโอ ทุกวันเสาร์ตอนเย็นจะมีคุณหมอมาให้ความรู้”

แม้จะเห็นได้จากความสำเร็จที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ก็ไม่ได้ทำให้สไมล์ไมเกรนหยุดนิ่งที่จะพัฒนา ยังสร้างความสำเร็จด้วยการศึกษาตลาดอื่นๆ อีกด้วย เพื่อดูความเสี่ยง พร้อมนำมาปรับใช้ในธุรกิจของตัวเองได้เป็นอย่างดี

.

โควิดเร่งการเติบโตธุรกิจ ‘Health Tech’

ธุรกิจด้าน ‘Health Tech’ นอกจากจะเป็นการยกระดับความก้าวหน้าของวงการแพทย์ทั่วโลกแล้วนั้น เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ยังเร่งให้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในบริการสุขภาพมากขึ้น ซึ่งกระแสเหล่านี้ทำให้ความต้องการในสินค้าและบริการด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น

จึงถือได้ว่าการระบาดของโควิด 19 เป็นตัวเร่งการเติบโต โดยเฉพาะสไมล์ไมเกรนที่ตอบโจทย์การให้บริการด้านสุขภาพแบบครบวงจร ดูแลตั้งแต่การให้คำปรึกษา การเสริมสร้างสุขภาพ ไปจนถึงการรักษาพยาบาล เพราะช่วยลดความเสี่ยงของผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ทั้งยังช่วยยกระดับบริการด้านสุขภาพให้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น

“ผมว่าโควิด 19 ถือเป็นตัวเร่งให้ธุรกิจด้าน Health Tech โตขึ้น อาจจะเป็น 10 เท่าด้วยซ้ำ ซึ่งทำให้สไมล์ไมเกรนโตขึ้นไปด้วย เพราะง่ายก็ต่อการปรึกษาหมอในยุคนี้ บางวันมีคนดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน 300 – 400 คน เราก็พยายามสร้างการรับรู้ให้เข้าถึงคนได้มากขึ้น”

ภายในปีนี้ สไมล์ไมเกรนยังตั้งเป้าหมายให้มีสมาชิกจำนวน 100,000 คน ซึ่งจะถือเป็นการเติบโตขึ้นถึงสิบเท่าในภาคธุรกิจ

‘สไมล์ไมเกรน’ Health Tech ที่เป็นความหวังในยุคโควิด 19 โดยการนำนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตให้กับผู้คน สามารถยกระดับความก้าวหน้าของวงการแพทย์ทั่วโลก และยังเป็นเทรนด์สุขภาพที่น่าจับตามองในวิกฤตครั้งนี้อีกด้วย

.

รู้จัก ‘สไมล์ไมเกรน’ ได้เพิ่มเติมที่ :

https://www.facebook.com/SmileMigraine/

https://www.smilemigraine.com