สำหรับวงการสตาร์ทอัพแล้ว
การปรับตัวนับว่าสำคัญแทบจะเป็นปัจจัยอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้
เนื่องจากกระแสการทำธุรกิจต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่สตาร์ทอัพที่ได้รับความสนใจใน 3 เดือนก่อน มาวันนี้อาจไม่มีผู้ใช้บริการแล้วก็ได้
ดังนั้นสำหรับใครที่จะลงมือทำธุรกิจในตอนนี้
วิธีที่ปลอดภัยและช่วยให้คุณอยู่ใน Safe Zone ที่จะมั่นใจได้ว่าจะมีผู้ใช้บริการแน่นอน
นั่นคือการทำธุรกิจตามกระแสสมัยที่ไม่เคยตก
ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นธุรกิจอะไรดี 4 ธุรกิจนี้เป็นตัวเลือกที่น่าจับตามองที่สุด เพราะไม่เพียงแต่จะมีผู้ที่รอใช้บริการเป็นจำนวนมากในปี 2020 แต่ต่อจากนี้ไปอีก 5-10 ปี ก็ยังคงเป็นเทรนด์ที่ร้อนแรงในอนาคต
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. สตาร์ทอัพด้านธุรกิจท่องเที่ยว (TravelTech)
ธุรกิจท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทยเรามาตั้งแต่อดีต
ยิ่งปัจจุบันมีโซเชียลมีเดีย
และอินเทอร์เน็ตที่สามารถนำเสนอจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจใหม่ๆ ได้อย่างไม่ยากเย็น
ทำให้ผู้คนพร้อมจะใช้บริการ และเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ เหล่านี้แน่นอน
และไม่ใช่แค่คนไทย
แต่รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีเม็ดเงินมหาศาลในกระเป๋าอีกด้วย
ซึ่งถ้าคุณสามารถเปิดธุรกิจใดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ได้
รับรองว่าจะมีผู้ใช้บริการสูงมากเลยล่ะ
สตาร์ทอัพที่น่าจับตา
และศึกษาเกี่ยวกับเทคนิคการทำธุรกิจท่องเที่ยว มีมากมายหลายเจ้า ไม่ว่าจะเป็น Airbnb,
TripActions, และ Klook ซึ่งล้วนเป็นสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จระดับยูนิคอร์น
หรือมูลค่าพันล้านเหรียญทั้งสิ้น
2. สตาร์ทอัพด้านธุรกิจการเกษตร (AgriTech)
ในสายตาของคนบางกลุ่มยังคงมองว่าธุรกิจการเกษตรเป็นธุรกิจล้าหลัง
ที่ไม่น่าสนใจ และไม่ทำเงินให้เขาได้ แต่ในปัจจุบันไม่ใช่เลย
ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เกษตรเติบโตขึ้นอย่างมากถึงปีละ 3.5% สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และขายลูกค้าได้แบบไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง
ช่วยให้เกษตรกรมีทุนในการจับจ่ายใช้สอยสิ่งต่างๆ มากขึ้น
เนื่องจากมีสตาร์ทอัพด้านการเกษตรมากมายที่ทำหน้าที่ทั้งให้ความรู้กับเกษตรกร
ทั้งเป็นตลาดแบบ Marketplace ให้ผู้ซื้อ-ผู้ขายมาพบกัน รวมทั้งยังมีระบบบริหารจัดการดูแลโรงเรือนต่างๆ
ที่ครบครันในยุคสมัยปัจจุบัน
แต่เนื่องจากสตาร์ทอัพด้านการเกษตรนั้นมีน้อยมาก
จากสตาร์ทอัพทั้งหมดกว่า 800 รายในประเทศไทย
มีสตาร์ทอัพด้านเกษตรเพียงแค่ 10 รายเท่านั้น
ดังนั้นการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร หรือมีกลุ่มเป้าหมายคือเกษตรกร จึงน่าจับตาและมีโอกาสเติบโตขึ้นแบบไร้คู่แข่ง
ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงควรลงทุนในธุรกิจนี้
3. สตาร์ทอัพด้านธุรกิจสุขภาพ (HealthTech)
อย่างที่ทราบกันดีว่าในปีหน้านี้ประเทศไทยเรากำลังเดินทางเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบเต็มตัว
เนื่องจากจำนวนผู้สูงอายุจะมีมากกว่า 12 ล้านคน ดังนั้นธุรกิจใหม่ๆ
ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพจึงได้รับความนิยมสูงมาก
และสังคมผู้สูงอายุนี้ไม่ได้อยู่กับเราแค่ 1-2 ปี
แต่มันจะคงอยู่ตลอดไป เพราะฉะนั้นถ้าคุณบุกตลาดด้านสุขภาพได้ก่อนใคร
โอกาสประสบความสำเร็จก็จะมีมากกว่า
และไม่ใช่แค่เพียงผู้สูงอายุเท่านั้นที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่น่าสนใจ
แต่เพราะธุรกิจสุขภาพเปิดกว้างให้ลงทุนต่างๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น AI เครื่องมือทางการแพทย์
เทคโนโลยีบล็อกเชนที่เก็บรวบรวมข้อมูลของสุขภาพผู้ใช้งาน รวมทั้งการออกกำลังกาย
การกินอาหารคลีน หรือพวกอาหารเสริมต่างๆ ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
4. สตาร์ทอัพด้านธุรกิจด้านการเงิน (FinTech)
ธุรกิจการเงิน หรือ FinTech เป็นหนึ่งในรูปแบบที่สตาร์ทอัพไทยส่วนมากให้ความสนใจ
และเกิดเป็นนวัตกรรมต่างๆ มากมาย ทั้งผู้ช่วยบริหารการเงินของบุคคลทั่วไป
ผู้ช่วยการเงินคนทำธุรกิจ ผู้ให้บริการความรู้ด้านการลงทุน ผู้ช่วยในหุ้น
ผู้ช่วยแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล และผู้ที่ให้ความรู้ต่างๆ
ด้านการวางแผนการเงินอีกมากมาย
ถึงแม้ FinTech จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็ยังไม่เก่าไปที่จะเริ่มต้นอยู่ดี เพราะมีคนไทยอีกมากที่ยังคงมีปัญหาด้านการเงิน ทั้งใช้เงินเกินตัว วางแผนการเงินไม่ดี หรือมีปัญหาด้านการลงทุน ซึ่งมันมีพื้นที่ให้คุณลงไปแข่งขันด้วยอยู่อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Blockchain และ Cryptocurrency, Multiple Currency e-Wallet, Payment Security, Big Data Analytics, หรือ AI & Robo Advisors ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็น FinTech ที่มีคนรอใช้บริการทั้งสิ้น
ทั้ง 4 กลุ่มสตาร์ทอัพเหล่านี้ เป็นเทรนด์ที่จะยังคงอยู่คู่กับประเทศไทยและโลกของเราไปอีกนานหลายปี ถ้าคุณเองมองหาธุรกิจที่น่าจับตา น่าลงทุน และหวังผลกับกลุ่มผู้ใช้งานจำนวนมากอยู่ล่ะก็ ลองลงทุนหนึ่งในสี่ธุรกิจนี้ และนำไปคิดพัฒนาต่อยอดดูได้เลย...รุ่งแน่นอน