การทำธุรกิจ Startup นั้นคุณอาจจะมองว่ามันเหมือนกับการทำธุรกิจ SMEs ทั่วไป ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันมีจุดยิบย่อยที่เป็นรายละเอียดที่น่าสนใจ และแตกต่างกันอย่างมาก เพราะสตาร์ทอัพเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่ขับเคลื่อนโดยคนเพียงไม่กี่คน แต่ส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมหาศาล สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดผ่านการรมดมทุนจากภายนอกเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะทำให้สำเร็จ เพราะสถิติในประเทศไทย มีสตาร์ทอัพประมาณ 10 เปอร์เซ็นที่ได้ไปต่อ ดังนั้นคุณสมบัติของผู้ประกอบการที่จะทำธุรกิจสตาร์ทอัพได้ก็จะแตกต่างกับผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไปเช่นกัน ซึ่ง 4 คุณสมบัตินี้เองที่ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพต้องมีทุกคน
องค์ประกอบที่ทำให้ Startup ได้ไปต่อ
สตาร์ทอัพไทย …ระดมทุนทะลุ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
ยอมรับความล้มเหลว ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ผู้ประกอบการทั่วๆ ไปมักจะอยากให้ธุรกิจตัวเองประสบความสำเร็จตั้งแต่การลงทุนครั้งแรก และไม่พร้อมที่จะล้มเหลวแม้แต่ครั้งเดียว นี่แหละที่แตกต่างกับการทำสตาร์ทอัพอย่างมาก เพราะธุรกิจสตาร์ทอัพนั้นเป็นเหมือนกับการลองผิดลองถูกเสียมากกว่า เป็นการทำธุรกิจที่ยังไม่มีใครเคยทำมาก่อน และพลิกโฉมโลกนี้ไปอย่างแท้จริง ดังนั้นไอเดียใหม่ๆ ที่ยังไม่มีใครพิสูจน์จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะประสบความสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มทำ เจ้าของสตาร์ทอัพต้องเตรียมตัวรับมือกับเรื่องความล้มเหลวตรงนี้ ซึ่งยิ่งคุณล้มเหลวเร็วและเยอะเท่าไหร่ ยิ่งทำให้คุณพัฒนาได้ไวและไกลเท่านั้น
มองการณ์ไกลและไม่จบแค่ในประเทศไทยแน่นอน
ธุรกิจสตาร์ทอัพนั้นเป็นธุรกิจที่สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด และทำกำไรได้มหาศาล พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง Passion ในการเริ่มต้นธุรกิจของเหล่าผู้ประกอบการทุกคนที่ทำสตาร์ทอัพ นั้นจะต่างจากผู้ประกอบการทั่วไปตรงที่ เขาจะไม่มองแค่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แต่ต้องมองการณ์ไกลไปถึงอนาคตข้างหน้า พัฒนาธุรกิจที่ตอบโจทย์คนทั่วโลกได้ ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่ต้องสามารถขยายตัวสู่ระดับโลกได้ การที่มีความคิดเริ่มต้นที่ต่างกัน ทำให้ผู้ประกอบการประสบความสำเร็จในระดับที่เล็ก แต่คนทำสตาร์ทอัพจะประสบความสำเร็จในระดับโลก
ปรับตัวได้รวดเร็ว ไม่ยึดติด หรือเสียดายของเก่า
เป็นเรื่องที่ฝืนธรรมชาติคนเราอย่างมากเลยล่ะครับ กับการทำสตาร์ทอัพ เพราะมันเป็นธุรกิจที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเพื่อให้ทันต่อความต้องการของคนที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน รวมถึงเพื่อให้ตอบสนองได้อย่างตรงจุดมากขึ้น ซึ่งการทำธุรกิจนั้นถ้าจะให้เปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ การทำงาน หรือระบบบ่อยๆ จะทำให้เกิดความเหนื่อยล้ามาก ซึ่งผู้ประกอบการทั่วไปจะยึดติดความสำเร็จที่ตัวเองมีอยู่ และไม่อยากเสียมันไป ทำให้พลาดโอกาสใหญ่ๆ ที่ดีกว่า แต่สตาร์ทอัพจะไม่มองแค่ความสำเร็จยิบย่อย เขาพร้อมจะเปลี่ยนแปลงงานที่ลงทุน ลงแรงมาภายในค่ำคืนเดียว เพื่อให้ได้ธุรกิจที่ดีกว่ากับตัวผู้บริโภคเอง
ศึกษาสิ่งใหม่ๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจอยู่เสมอ
การทำงานแบบสตาร์ทอัพนั้นจะใช้คนจำนวนน้อยแต่เป็นคนที่เก่งกาจและรู้จริงในส่วนนั้นๆ มากที่สุด ซึ่งทำให้ต้องทำงานหนักกว่าผู้ประกอบการทั่วไปหลายเท่า แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้องศึกษาสิ่งใหม่ๆ เพื่อมาต่อยอดธุรกิจอยู่เสมอ เพราะสตาร์ทอัพนั้นเป็นการลงทุนที่น้อยแต่ได้ผลตอบแทนที่สูง ทำให้ต้องนำพวกนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องซะเป็นส่วนใหญ่ จึงหนีไม่ได้ที่จะต้องตามข่าวสาร และมองหาเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะสามารถช่วยแบ่งเบาและส่งเสริมธุรกิจของตัวเองได้ เป็นเหตุให้ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพถึงจะเหนื่อยแค่ไหน ก็หยุดไม่ได้นั่นเอง
การทำ สตาร์ทอัพ นั้นยากกว่าการทำธุรกิจ SMEs ทั่วๆ ไป ถึงแม้จะเหนื่อยก็ต้องทน ดังนั้น Passion จึงสำคัญมากในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ ถ้าคุณเองมีใจรักมากพอ ไม่ว่าอุปสรรคจะใหญ่แค่ไหนก็จะสามารถผ่านพ้นมันไปได้แน่นอน
Sunday อินชัวร์เทคสตาร์ทอัพคนไทย บุกตลาดอาเซียน
จับตา ! สตาร์ทอัพหน้าใหม่ ภารกิจพิชิต ‘Unicorn’
Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก www.bangkokbanksme.com หรือ โทร call center 1333