ภายหลังบริษัท Stripe ซึ่งเป็นบริษัท Startup ที่เป็นระบบตัวกลางรับการชําระเงินจากลูกค้าผ่านบัตรเครดิตจาก Silicon Valley ซึ่งที่ผ่านมาเคยได้มีการระดมทุนเพื่อขยายตลาดใหม่ๆ ทั่วโลก เเละสามารถดึงดูดลูกค้ารายใหญ่ได้มากมาย ซึ่งก่อตั้งโดยสองพี่น้องอัฉริยะชาวไอซ์แลนด์ เกิดจากไอเดียของ Patrick Collison ผู้พี่ และ John Collison ผู้น้องที่ริเริ่มเขียนโค้ดบรรทัดแรกกันในปี 2552 ด้วยปณิธานที่จะลดความยุ่งยากของการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต พร้อมได้แรงหนุนลูกใหญ่จากคนในซิลิคอนวัลเลย์ ทำให้ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
Stripe เคยประกาศลงทุนในสิงคโปร์มูลค่า 22.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี 2559 และต่อมาได้ขยายการลงทุนไปยังญี่ปุ่นและมาเลเซีย เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่า ในภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กําลังมีการเติบโตทางตลาดดิจิทัลและอินเทอร์เน็ต ซึ่งบริษัทต้องการเข้ามาเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าในการเลือกชําระเงิน
ทั้งนี้ นาย Bily Alvarado ผู้บริหารของบริษัทฯ กล่าวว่า บริษัทฯ ต้องการเข้ามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แบบระยะยาว หลังจากปี 2559 ที่บริษัทฯ เข้ามายังสิงคโปร์บริษัทฯ ก็ได้ขยายไปยังญี่ปุ่น ฮ่องกง มาเลเซีย และ อินเดีย โดยเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทฯ ได้จ้างนาย Rahul Shinghal ซึ่งเคยทํางานให้ PayPal มาเป็นผู้อํานวยการภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก โดยมีสํานักงานที่สิงคโปร์
เนื่องด้วยการเติบโตของยุคดิจิทัลกําลังมุ่งสู่โลกตะวันออกมากขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้บริษัทที่ทําธุรกิจอื่นๆ ทั่วไป ก็ต้องการที่จะขยายธุรกิจไปยังตลาดโลกอยู่แล้ว ซึ่งบริษัท Stripe จะเป็นตัวช่วยในการอํานวยความสะดวกเรื่องการชําระเงิน ไม่ว่าการทําธุรกรรมการเงินจะเกิดขึ้นที่ใดบนโลก รวมทั้งแก้ไขปัญหาที่มักเกิดจากการชําระเงิน อาทิ วิธีการชําระเงินสกุลเงินท้องถิ่น การปฏิบัติตามระเบียบการเงินของแต่ละประเทศ การวิเคราะห์ข้อมูล ฯลฯ
นาย Alvarado กล่าวเสริมว่า การเติบโตของอินเตอร์เน็ตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกิดจากหลากหลายปัจจัย อาทิ ประชาชนมีโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตใช้อย่างทั่วถึง โครงสร้างพื้นฐาน อุปสงค์ของผู้อุปโภค รวมถึงมีลู่ทางใหม่ ๆ ในการขายสินค้าออนไลน์ และลูกค้าก็มีตัวเลือกในการซื้อสินค้าออนไลน์และการชําระเงินมากขึ้น ทําให้บริษัทมองเห็นเป็นโอกาสสำหรับการเติบโต
โดยบริษัทใช้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางแห่งแรกของสํานักงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตั้งแต่เมื่อเดือน ต.ค. 2561 โดยร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ ที่กําลังเติบโต เช่น Grab, Carousell, Honestbee และ Chope โดยในปีที่ผ่านมา 70% ของชาวสิงคโปร์ซื้อสินค้าผ่านกลุ่มธุรกิจที่ร่วมมือกับบริษัท อย่างไรก็ดี การทําธุรกิจออนไลน์ทําได้ยากขึ้นเนื่องจากปัจจุบันมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมาก บริษัทจึงพยายามแสวงหาบริษัทต่าง ๆ มาเป็นหุ้นส่วน โดยเมื่อปี 2560 ทางบริษัทฯ ได้เป็นหุ้นส่วนกับ Alipay และ WeChat Pay เพื่อขยายฐานการรับชําระเงินในจีนมากขึ้นด้วย
น่าจับตาว่า Startup จาก Silicon Valley รายนี้จะมาสร้างมิติใหม่ของการทำธุรกรรมการเงินในอาเซียนอย่างไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ วงการเงินในสิงคโปร์กำลังเจอบททดสองสำคัญ อ้างอิง : The Business Time ขอบคุณภาพ : ภาพจาก Sqfeed Journal
Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333
