ไทยหนึ่งในเป้าหมาย! ไต้หวันเล็งอาเซียน คู่ค้า-จุดหมายลงทุนสำคัญ
Standard Chartered ได้เผยผลการสำรวจความคิดเห็นของเหล่าผู้ประกอบการไต้หวัน
เกี่ยวกับการค้าและการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน พบว่า
ผู้ประกอบการไต้หวันยังมั่นใจในศักยภาพของตลาดอาเซียน โดยร้อยละ 95
ของผู้ประกอบการเห็นว่า ผลประกอบการจากภูมิภาคนี้จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ
91 ของผู้ประกอบการคาดว่าจะเพิ่มการลงทุนในภูมิภาคนี้มากขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 25
ภายในระยะเวลา 3-5 ปี ส่วนตลาดที่ผู้ประกอบการไต้หวันเห็นว่ามีศักยภาพมากที่สุด
คือ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และไทย
ซึ่งรายงานดังกล่าวชี้ว่า ปัจจัยที่ทำให้นักธุรกิจไต้หวันเข้าลงทุนในประเทศอาเซียนนั้น ร้อยละ 66 เห็นว่า ‘การบริโภคภายในตลาดอาเซียน’ มีการขยายตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รองลงมาคือ ‘ระบบห่วงโซ่อุปทาน’ ภายในภูมิภาคมีความพร้อมสมบูรณ์ (ร้อยละ 55) และเห็นประโยชน์จากการใช้อาเซียนเป็นช่องทางสู่ตลาดโลก ผ่านการใช้ประโยชน์จากการทำ FTA ของประเทศในภูมิภาคนี้ (ร้อยละ 52)
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โดยนักธุรกิจไต้หวันเห็นว่า
ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive
Economic Partnership: RCEP) ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้
เป็นปัจจัยดึงดูดให้ลงทุนในภูมิภาคนี้เป็นอย่างมาก ในขณะที่ร้อยละ 50 เห็นว่า นโยบายส่งเสริมการลงทุนของประเทศต่างๆ
มีส่วนดึงดูดให้เข้าลงทุนในอาเซียน ในขณะที่ร้อยละ 32 ของผู้ประกอบการต้องการกระจายฐานการผลิตออกไปสู่ตลาดต่างประเทศ
และร้อยละ 25 ถูกดึงดูดด้วยปริมาณแรงงานมีทักษะ ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในภูมิภาคนี้
โดยผู้บริหารของ Standard
Chartered มองว่า ในช่วงหลายปีมานี้ อาเซียนถือเป็นตลาดสำคัญของผู้ประกอบการไต้หวันที่ต้องการกระจายห่วงโซ่อุปทานเข้าสู่ระดับภูมิภาค
และเป็นตลาดสำคัญในการจำหน่ายสินค้าด้วย โดยร้อยละ 43 ของผู้ประกอบการเห็นว่าตลาดที่มีศักยภาพมากที่สุด
คือ สิงคโปร์ เนื่องจากมีโอกาสขยายตัวสูงจากการเป็น Regional Hub ในด้านการขนส่ง และมีความสามารถในการผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ โดยนอกจากการส่งออก
Semiconductor ไปยังอาเซียน
ซึ่งมีแนวโน้มความต้องการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผู้ประกอบการไต้หวันยังต้องการสร้างฐานการผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เนื่องจากแรงกดดันด้านภูมิรัฐศาสตร์และความตึงเครียดทางการค้า
ประกอบกับเครือข่ายการผลิตของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ
ทำให้ไต้หวันให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์การลงทุนในอาเซียนมากขึ้น
ขณะที่การมีฐานการผลิตใน ASEAN
จะทำให้ผู้ประกอบการไต้หวันได้ประโยชน์ จากการเชื่อมโยงทางการค้าจากข้อตกลง
RCEP โดยเห็นตัวอย่างได้จากการเพิ่มกำลังการผลิตในเวียดนาม โดยการลงทุนกว่า
270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ของบริษัท Hong Hai Precision Industry Co.,Ltd. ยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์ของไต้หวัน เพื่อใช้ประโยชน์จากความตกลง RCEP
แนวโน้มการค้าและการลงทุนของไต้หวันที่มุ่งไปยังภูมิภาคอาเซียนมากยิ่งขึ้น
สอดคล้องกับนโยบาย New South Bound Policy ของประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน
(Tsai, Ing-Wen) ของไต้หวัน ที่ริเริ่มมาตั้งแต่ปี
2016 นับจากการเข้ารับตำแหน่ง ความตึงเครียดระหว่างไต้หวันกับจีน
และสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ประกอบการไต้หวันต้องมองหาทางเลือกในการโยกย้ายฐานการผลิต
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ‘ไทย’ เป็นหนึ่งในประเทศที่ผู้ประกอบการไต้หวันให้ความสนใจในการลงทุน
การร่วมมือกับไต้หวันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจที่มีศักยภาพ เช่น อิเล็กทรอนิกส์,
Bio Economy, Circular Economy จึงเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทยในการเข้าถึงเทคโนโลยี-กระบวนการการผลิตต่างๆ
ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับสากลได้
แหล่งอ้างอิง : Taipei
Times / Central News Agency / United Daily News (September 9,
2021), สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ