สองสามปีมานี้ “โรคซึมเศร้า”
ได้กลายเป็นโรคที่พบเจอได้บ่อยขึ้นในปัจจุบัน เพราะในวงสังคมรอบๆ
ตัวเราต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคนที่เคยป่วยเป็นโรคนี้แน่ๆ
ซึ่งปัจจัยก็มีหลากหลายสาเหตุด้วยกัน ทั้งสภาพแวดล้อม ความเครียดสะสม
เคมีในสมองผิดปกติ รวมถึงการจมอยู่ในความทุกข์ตลอดเวลา ก็ยิ่งส่งผลให้เราเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
ซึ่งวันนี้มีข้อมูลจากแพทย์โรงพยาบาลรามคำแหง ที่จะมาบอกเทคนิคการรับมือไม่ให้เราก้าวเข้าไปสู่ด้านมืดของโลกซึมเศร้ามาฝาก รับรองว่าทำตามแล้วช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคนี้ขึ้นกับตัวเราได้แน่นอน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. ต้องยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ไม่ว่าจะเป็นข้อดีหรือข้อเสียของตัวเรา
เพื่อช่วยให้คุณรับมือกับเหตุการณ์ที่ทำให้เสียใจหรือผิดหวังได้
ที่สำคัญต้องรู้จักขอบคุณตัวเองและแสดงความภูมิใจในตัวเองอยู่เสมอ
รวมถึงหมั่นสังเกตความสุขเล็กๆ น้อยๆ ด้วย เช่น วันนี้ออกจากบ้านไปขึ้นรถไฟฟ้า
แค่รถมาเร็วไม่ต้องรอนานก็สามารถเปลี่ยนทัศนะคติให้เป็นความสุขได้แล้วเห็นไหม
ฝึกมองเรื่องต่างๆ รอบตัวให้เป็น Positive
Thinking ฝึกมองคนอื่นในแง่ดีและรู้จักชื่นชมคนอื่นก็ช่วยให้เราไม่ทุกข์แล้ว
2. อย่าเก็บความรู้สึกที่ไม่ดีอัดอั้นเอาไว้ข้างใน การระบายและปลดปล่อยความรู้สึกออกมา ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์โกรธ เศร้า
เสียใจ ร้องไห้ ก็ช่วยให้ร่างกายได้รีแล็กซ์ลงมาบ้างแล้ว
อาจจะเริ่มจากการพูดคุยกับคนที่ไว้ใจได้ หรือไปร้านคาราโอเกะเพื่อตะโกนให้สุดเสียง
หรือร้องไห้ออกมาดังๆ เมื่อเราไม่ไหว
หรือเปลี่ยนความรู้สึกลงในสมุดบันทึกอะไรเหล่านี้ ก็จะช่วยให้รู้สึกดีกว่าเก็บเอาไว้ในใจ
โดยแบกความเครียดเอาไว้เพียงคนเดียวนะ
3. ช่วงวันหยุดให้หาโอกาสออกไปเที่ยวบ้าง เพราะการหนีจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ ด้วยการเดินทางท่องเที่ยว จะทำให้เห็นโลกในมุมมองใหม่ๆ
การที่ได้ไปพบเห็นผู้คน วัฒนธรรม และสิ่งใหม่ๆ จะช่วยให้ผ่อนคลายความเครียด
ความเศร้า รวมถึงการออกท่องเที่ยวจะช่วยทำให้กลับมาแล้วรู้สึกมีพลังมากขึ้นอีกด้วย
4. เวลาที่หม่นหมอง
การพาตัวเองไปอยู่กับความสนุกสนาน เช่น ดูหนังตลก
พูดคุยกับเพื่อนๆ เรื่องขำขัน หรือแม้กระทั่งนั่งเล่นกับสัตว์เลี้ยงคู่ใจ
ก็ช่วยให้อารมณ์ของเราผ่อนคลายลงได้ ถึงแม้ในบางครั้งจะเครียดหรือเศร้า
แต่ถ้ามีสภาพแวดล้อมที่ดีไร้ความหม่นหมองก็ช่วยให้คลายเครียดคลายเศร้าได้เช่นกันนะ
5. การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยได้ โดยการช่วยเพิ่มระดับสารเคมีเซโรโทนินในสมอง
และเพิ่มการหลั่งสารเอนดอร์ฟิน ที่ช่วยทำให้ผ่อนคลายและอารมณ์ดี แถมสุขภาพด้านอื่นๆ
ก็ดีขึ้นตามด้วย พอสุขภาพดีไร้โรคภัยไข้เจ็บ ความทุกข์ในมิติสุขภาพก็จะหายไปด้วย
เรียกว่าออกกำลังกายทีเดียว ช่วยได้แบบ 2 in 1 เลยก็ว่าได้
หรือหากไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้จริงๆ
ก็อย่าลังเลที่จะไปพบจิตแพทย์นะ เพราะเราคือคนป่วย ใครๆ ก็ป่วยกันได้
ฉะนั้นคนป่วยที่มาหาหมอก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะโรคซึมเศร้าคือ “โรค”
การป่วยเป็น “โรคซึมเศร้า” หมอสามารถรักษาหายได้นะ ไม่ใช่เป็นแล้วเป็นเลยต้องป่วยตลอดชีวิตซะหน่อย
แหล่งอ้างอิง : โรงพยาบาลรามคำแหง