เมืองเทลอาวีฟ (TEL Aviv) ของอิสราเอลได้กลายเป็นเมืองที่แพงที่สุดในโลกเป็นครั้งแรกโดยแซงหน้าปารีส และสิงคโปร์ ขณะที่ฮ่องกง เมืองที่มีค่าครองชีพสูงสุดในปีที่แล้วร่วงลงมาเป็นอันดับที่ 5 จากรายงานของ Economic Intelligence Unit (EIU) ในปี 2564
“เทลอาวีฟ” เป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ และเป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในอิสราเอล
อยู่ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยขยับเพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 5 เมื่อปีที่แล้วสู่เมืองที่ค่าครองชีพแพงที่สุดในตอนนี้ สาเหตุหลักมาจากการแข็งค่าของเงินสกุลเชคเกลทำให้ค่าใช้จ่ายในท้องถิ่นแพงขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ประมาณหนึ่งในสิบของสินค้าในเมืองมีราคาสูงขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าอุปโภค-บริโภค และการขนส่ง
รวมทั้ง การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น ตลอดจนการระบาดใหญ่และข้อจำกัดของโควิด 19 ยังคงส่งผลกระทบต่อการผลิตและการค้า ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงที่สุดในรอบ
5 ปี
จากรายงานของศูนย์สถิติแห่งชาติประเทศ อิสราเอลระบุอีกว่า GDP ของประเทศอิสราเอลหดตัวลดลงเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID – 19
โดยในช่วงระยะเวลาครึ่งปีแรกของปี 2020 ประเทศอิสราเอลมีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจลดลงร้อยละ
10.1 ภายหลังจากที่เคยเติบโตเพิ่มขึ้นร้อย ละ 3.4 ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2019 นอกจากนี้
การบริโภคของภาคเอกชนต่อหัวได้ปรับตัวลดลงร้อยละ 44.2 ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 และการทำธุรกรรมของภาคธุรกิจได้ปรับตัวลดลงกว่าร้อยละ
33.4
10 เมืองที่ค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก
1. เทลอาวีฟ - อิสราเอล
2. ปารีส - ฝรั่งเศส
2. สิงคโปร์ (ที่ 2 ร่วม)
4. ซูริค - สวิตเซอร์แลนด์
5. ฮ่องกง
6. นิวยอร์ก - สหรัฐอเมริกา
7. เจนีวา - สวิตเซอร์แลนด์
8. โคเปนเฮเกน - เดนมาร์ก
9. ลอสแองเจลิส - สหรัฐอเมริกา
10. โอซาก้า – ญี่ปุ่น
ทั้งนี้ เมืองดามัสกัสของซีเรียได้รับการจัดอันดับว่าเป็นเมืองที่ค่าครองชีพถูกที่สุดในโลก เนื่องจากเศรษฐกิจที่ถูกทำลายจากสงคราม ส่วนเมืองเตหะรานของอิหร่าน ซึ่งอัตราค่าครองชีพเพิ่มขึ้นจากอันดับ 50 มาอยู่ที่อันดับ 29 ในปีนี้เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และยังประสบปัญหาเงินเฟ้อสูงมาก
ค่าครองชีพในเมืองใหญ่กับสัญญาณเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม สัญญาณจากการเพิ่มขึ้นของค่าครองชีพในเมืองใหญ่
ทำให้มองเห็นถึงสัญญาณเงินเฟ้อที่ชัดเจนในหลายๆ เมือง โดยราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น
โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด 19
ซึ่งเกิดผลกระทบอย่างกว้างขวางและน่าจะเป็นเวลานาน
ทำให้ประเทศทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วย
จำเป็นต้องออกมาตรการในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ
ที่ผ่านมาจะเห็นว่าหลายๆ
ประเทศทั่วโลกต่างออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านเมืองใหม่
และเมืองท่องเที่ยว เพื่อหวังฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ถดถอยให้กลับมาสู่จุดเดิมโดยเร็วที่สุด
ซึ่งหนึ่งในนั้นคือวิธีการใส่เงินเข้าระบบจากนโยบายรัฐที่หากมองในอีกแง่หนึ่ง
อาจเป็นเชื้อไฟของการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ อันเนื่องจากค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ
ด้วยเหตุนี้ จากสัญญาณค่าครองชีพโลก
อาจทำให้มองเห็นเค้าลางของการเตือนภัยสำหรับเศรษฐกิจในปีหน้าว่า
หนึ่งในนั้นจะเกิดจากปัญหาค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นจากปัญหาเงินเฟ้อในหลายๆ
เมือง หลายๆ ประเทศทั่วโลก
เพราะจากปัญหาทางเศรษฐกิจที่ทั่วโลกต้องเผชิญคงไม่ใช่แค่จัดการกับโควิดได้
ควบคุมโรค การเร่งจัดสรรวัคซีนในแก่ประชาชน
แต่ปัญหาที่มีเค้าลางว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้าคือเรื่องค่าครองชีพสูง
ที่จะกระทบต่อการจับจ่ายภายในประเทศและยิ่งทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปีหน้าอาจจะยังคงไม่ได้ดีกว่าปี
2564 นี้มากนัก และอาจรวมถึงปัจจัยเสี่ยงใหม่ คือการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด 19
แหล่งอ้างอิง :
https://edition.cnn.com/travel/article/world-most-expensive-cities-2021/index.html