ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
ทำให้นักเรียนและเยาวชนมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลกต้องหยุดเรียนกลางคัน และมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อการศึกษา
(ED-TECH) ในรูปแบบการเรียนการสอนแบบใหม่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
ซึ่งปัจจุบันสถาบันการศึกษาทั้งโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วโลก กำลังทำงานอย่างหนักในการปรับและออกแบบหลักสูตร
เพื่อให้เหมาะกับการเรียนการสอนระยะไกลและการเรียนจากที่บ้าน
กระนั้นในช่วงแรกบรรดาสถานการศึกษาทั่วโลก อาจจะเกิดความท้าทายอยู่บ้างในแง่ของเทคโนโลยีนำมาประยุกต์ใช้ในสื่อการเรียนการสอน เนื่องจากวิกฤตครั้งนี้เป็นตัวเร่งให้เกิดความปกติแบบใหม่ซึ่งไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ขณะเดียวกันนับว่าเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสการเรียนรู้รูปแบบใหม่เช่นกัน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาในรายละเอียดในทุกแง่มุมนั้นจะเห็นว่าในหลายๆ
อุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ
อาชีพที่เป็นที่ต้องการในตลาดตอนนี้มักจะไม่เป็นที่รู้จักมากนักในช่วง 5 หรือ 10 ปีที่ผ่านมา
เนื่องจากโลกหมุนไปอย่างรวดเร็วตามกระแสของโลกาภิวัตน์
ดังนั้นในอนาคตจะมีเยาวชนมากกว่า 65% ที่ประกอบอาชีพมั่นคงแม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีในตลาดรองรับ
ณ ตอนนี้ ทำให้ต้องเร่งบ่มเพาะทักษะให้สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ โดยมีความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนและเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษา
รวมไปถึงแนวทางในการเรียนการสอน เพื่อให้ก้าวทันกับความต้องการของตลาดในอนาคตข้างหน้า
ทั้งจากข้อมูลของ World Economic Forum แสดงให้เห็นว่าในระยะเวลาเพียง 5
ปีนับจากนี้ ทักษะ 35% ที่จำเป็นในการจ้างงานในปัจจุบันจะเปลี่ยนแปลงไป
นับว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับหลายประเทศที่จะต้องมุ่งเน้นการสร้างบุคลากรที่มีทักษะที่เหมาะสม
อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับสถานศึกษาที่ต้องบ่มเพาะแรงงานที่มีทักษะสำหรับอนาคตตามพลวัตแห่งการเปลี่ยนแปลงอันเนื่องมาจากอิทธิพลของเทคโนโลยีดิจิทัล
สอดคล้องกับความคิดเห็นของ ศ.ดร.ธนารักษ์
ธีระมั่นคง นายกสมาคมปัญญาประดิษฐ์แห่งประเทศไทย (AI) และราชบัณฑิต
ในฐานะอาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ คอมพิวเตอร์ และการสื่อสาร SIIT
สะท้อนมุมมองว่าสาเหตุที่บัณฑิตจบใหม่ตกงานเป็นจำนวนมาก เนื่องจากขาดทักษะโลกยุคใหม่
สาขาที่จบมาไม่ต้องกับสายงานที่บริษัทต้องการบุคลาการ ดังนั้นต้องปรับกระบวนทัศน์การศึกษาใหม่ทั้งระบบ
เน้นเรียน ‘เทคโนโลยี–ความรู้เฉพาะ’
ตอบโจทย์อนาคต
การจัดการเรียนการสอนของสถาบันการศึกษา
มหาวิทยาลัยในโลกยุคใหม่ ศ.ดร.ธนารักษ์
แนะนำว่าสถาบันการศึกษาไทยจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ ทั้งในแง่ของการเรียน
เนื้อหา
เพื่อให้มีความสอดคล้องกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
สังคม การดำเนินธุรกิจ และอุตสาหกรรม โดยตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา
แวดวงการศึกษามีการพูดถึงวิกฤติการตกงานของบัณฑิตไทยที่อาจจะมีมากถึง 72%
เพราะขาดทักษะที่เท่าทันกับยุคสมัยใหม่
ขณะเดียวกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
ทำให้กระบวนการความเปลี่ยนแปลงถูกเร่งให้รวดเร็วขึ้น เห็นได้จากบริษัทขนาดใหญ่
อาทิ อูเบอร์, Airbnb ฯลฯ มีการปรับลดคนและนำกระบวนการใหม่ๆ เข้ามาใช้ในบริษัทมากขึ้น
ดังนั้นคนที่มีทักษะแบบเก่าอาจไม่เป็นประโยชน์กับองค์กรอีกต่อไป
คำถามในเมื่อเทคโนโลยีถูกนำเข้ามาใช้ในทุกๆ ด้านแล้ว
อะไรคือทักษะที่โลกอนาคตต้องการ และสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัย
รวมถึงนักศึกษาจะปรับตัวอย่างไร
“ผมคิดว่าคณิตศาสตร์ยังเป็นทักษะสำคัญที่จะเป็นพื้นฐานของอีกหลายเรื่อง
ควบคู่ไปกับองค์ประกอบของการสร้างนวัตกรรม เทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์
ซึ่งจะประยุกต์ให้เกิดเป็นไอเดียที่ผสมผสาน สอดรับกับเทคโนโลยีที่จะเข้ามาป่วนในโลกของการศึกษา
ทั้งเทคโนโลยีดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หุ่นยนต์ (Robotics) หรือวัสดุศาสตร์ (Materials
Science)”
นอกจากทักษะทางด้านเทคโนโลยีสิ่งที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ในยุคถัดไป
ยังรวมไปถึงซอฟต์สกิล (Soft Skills) เช่น
การเห็นอกเห็นใจ การเข้าใจความรู้สึก การวิเคราะห์ข้อมูล การคิดเชิงวิพากษ์
การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน รวมถึงทักษะเรื่องคน ทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์
ซึ่งบทบาทของการเรียนการสอนเหล่านี้ ครอบครัวและชุมชนก็จะมีส่วนช่วยในการส่งเสริม
ขณะที่สถานศึกษาก็จะต้องมีการออกแบบห้องเรียนในยุคใหม่ ออกแบบการเรียนรู้เฉพาะบุคคลตามความต้องการและจุดแข็งของผู้เรียน
ในปัจจุบันโลกของการศึกษาได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาผนวกรวมกับการเรียนการสอนมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการนำ AI เข้ามาใช้บริหารจัดการการเรียนการสอน
การนำเทคโนโลยี Augmented Reality (AR) Virtual Reality (VR) ระบบจำลอง (Simulation) เข้ามาประกอบสื่อการเรียน
การจัดระบบห้องเรียนแบบออนไลน์ ซึ่งในส่วนของ SIIT หรือ มธ.
เองก็มีหลักสูตรอย่าง GenNext Academy หรือ TUXSA หลักสูตรออนไลน์ปริญญาโท เป็นต้น
ปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนให้สอดคล้องนานาชาติ
การจัดการเรียนการสอนของสถาบันการศึกษาไทยในมุมมองของ
รศ.ดร.สุธาทิพย์ สวนมะลิ อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีการจัดการ SIIT บอกว่า การศึกษายุคใหม่ไม่ได้มีเพียงด้านวิศวกรรมเท่านั้น
แต่ยังมีสาขาการจัดการที่รวมเอาศาสตร์และความรู้จากหลายสาขาที่เกี่ยวข้อง
ให้บัณฑิตมีทักษะในการคิดวิเคราะห์
ขณะเดียวกันยังเป็นบรรยากาศการเรียนรู้ในสังคมนานาชาติ
ที่มีนักศึกษาแลกเปลี่ยนหลายร้อยคนจากต่างประเทศมาร่วมเรียน
เกิดเป็นความหลากหลายของสังคมแห่งการเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน
แต่ละสถาบันจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเปิดโอกาสให้นักศึกษาปีสุดท้าย
สามารถเลือกเส้นทางตามความต้องการในอนาคตได้ เช่น
จะใช้เวลาในปีสุดท้ายในการทำโครงการวิจัยให้เกิดเป็นรูปธรรม หรือการฝึกงานระยะยาว
4-6 เดือนแบบทำงานจริง หรือแม้แต่การหาประสบการณ์ในการศึกษาต่อที่ต่างประเทศ
สถาบันการศึกษาไม่ได้เป็นแค่สถาบันการเรียน
แต่ยังเป็นสถาบันวิจัยที่เป็นพื้นฐานให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ
บัณฑิตจบไปมีความรู้ที่ทันสมัย เข้ากับสถานการณ์
ซึ่งจากการสำรวจพบว่านักศึกษาที่จบไปจากที่นี่ มีรายได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่อื่น
และมีอัตราการหางานได้ถึง 95% และผลตอบรับจากนายจ้างถึงความพึงพอใจจากตัวบัณฑิต
ด้วยปัจจัยที่กล่าวมาแสดงให้เห็นได้ว่า การสร้างบุคลากรที่พร้อมด้วยทักษะที่จำเป็น ตั้งแต่อยู่ในช่วงการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยเพื่อป้อนตลาดนั้น มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และบัณฑิตจบใหม่จะเป็นพลังขับเคลื่อนและทำให้ภาคเศรษฐกิจสามารถคงอยู่ได้