สำหรับสินค้า
‘ไอศกรีม เมด อินไทยแลนด์’ นับเป็นกลุ่มที่ไม่ธรรมดาอันเนื่องจากเป็นสินค้าขายดีและยังส่งออกเป็นอันดับที่
4 ของโลก พร้อมกับมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและยังสามารถปรับตัวได้ดีท่ามกลางกระแสการค้าโลกที่มีความท้าทายสูง
อานิสงส์ไอศกรีมจากประเทศไทยตีตลาดโลกได้อย่างน่าภาคภูมิใจ เพราะความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพราะไอศกรีมและน้ำแข็งอื่นๆ ที่บริโภคได้ ทุกรายการที่ส่งออกจากไทยได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าจาก 17 ประเทศคู่เอฟทีเอ ได้แก่ อาเซียน (9 ประเทศ) จีน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ชิลี เปรู และฮ่องกง เหลือเพียงญี่ปุ่น ที่ยังเก็บภาษีนำเข้าที่ 21-29.8%
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ปัจจุบันสินค้าไอศกรีมเป็นสินค้าส่งออกที่น่าจับตาของไทยเพราะส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นไม่หยุด
จากข้อมูล กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ในปี 2563
ประเทศส่งออกไอศกรีมไปยังประเทศคู่เอฟทีเอ คิดมูลค่า 75.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 3% เมื่อเทียบกับปี 2562 หรือคิดเป็นสัดส่วน 85.1%
ของการส่งออกไอศกรีมทั้งหมดของไทย
โดยส่งออกไปอาเซียน
คิดเป็นมูลค่า 63.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 1%
โดยมีมาเลเซียเป็นตลาดส่งออกหลักขยายตัว 24%, เกาหลีใต้ คิดเป็นมูลค่า 5.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 275%, ออสเตรเลีย คิดเป็นมูลค่า 2.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว
328% และฮ่องกง คิดเป็นมูลค่า 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 11%
อย่างไรก็ตาม
ผู้ประกอบไทยควรให้ความสำคัญกับการรักษามาตรฐานผลิต พัฒนาสินค้า
คิดค้นรสชาติไอศกรีมที่เป็นเอกลักษณ์เด่นเฉพาะถิ่น เช่น
เพิ่มส่วนผสมผลไม้เมืองร้อนกลุ่มมะพร้าว มะม่วง ทุเรียน ไอศกรีมจากนมถั่วเหลือง
ไอศกรีมไขมันต่ำ ไอศกรีมน้ำตาลน้อย ไอศกรีมที่มีส่วนผสมของสมุนไพรบำรุงสุขภาพ
เพื่อสร้างจุดขายไอศกรีมไทยในกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่นิยมอาหารเพื่อสุขภาพ
อุตสาหกรรมไอศกรีมไทยแนวโน้มเติบโตไม่หยุด
ในระยะยาวในมุมมองของ
คุณอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ บอกว่า
อุตสาหกรรมไอศกรีมของประเทศไทยมีแนวโน้มขยายตัวเติบโตไม่หยุด
เนื่องด้วยศักยภาพการผลิตสินค้า
ข้อได้เปรียบจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้ความตกลงการค้าเสรี
ตลอดจนความอุดมสมบูรณ์ของวัตถุดิบที่หลากหลาย ส่งผลให้มีต้นทุนการผลิตต่ำ
จึงถือว่าประเทศไทยมีความพร้อมที่จะก้าวไปเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมไอศกรีมในภูมิภาคอาเซียนได้
ปัจจุบันบริษัทผู้ผลิตไอศกรีมรายใหญ่ของโลกต่างเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
เพื่อใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกไอศกรีมในภูมิภาค ด้วยเหตุนี้ผู้ประกอบไทยควรให้ความสำคัญกับการรักษาคุณภาพมาตรฐานในการผลิต
พัฒนาสินค้า คิดค้นรสชาติไอศกรีมที่เป็นเอกลักษณ์ อาทิ
การเพิ่มส่วนผสมผลไม้เมืองร้อนทุกชนิดที่ได้รับความนิยมของผู้บริโภคชาวต่างประเทศ
ตลอดจนไอศกรีมที่มีส่วนผสมของสมุนไพรบำรุงสุขภาพ
เพื่อสร้างจุดขายไอศกรีมไทยในกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่นิยมอาหารเพื่อสุขภาพ
และทำให้ไอศกรีมของไทยเป็นที่รู้จักและครองใจผู้บริโภคในตลาดโลกยิ่งขึ้น
ผลไม้ไทยรับอานิสงส์แปรรูปสวนผสมไอศกรีม
จากแนวโน้มอุตสาหกรรมไอศกรีมของไทยเติบโตต่อเนื่อง
คุณราเชนทร์ สุขหวานอารมณ์
ประธานวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตมะม่วงส่งออกอำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี บอกว่า จะส่งผลดีต่อเกษตรกรชาวสวนไทยสามารถระบายผลผลิตให้กับผู้ประกอบการได้อย่างสม่ำเสมอ
และช่วยพยุงราคาไม่ให้ตกต่ำในช่วงผลผลิตออกมาพร้อมกันจนล้นตลาด
ซึ่งเกษตรกรไทยถือว่าเป็นผู้ผลิตต้นน้ำส่งต่อไปยังกลางน้ำและปลายน้ำ ซึ่งมีผลผลิตผลไม้นานาชนิดส่งป้อนผู้ประกอบการได้ตลอดทั้งปี
“อุตสาหกรรมไอศกรีมจะกลายเป็นอัศวินม้าขาวเข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรไทย
ในการระบายผลไม้จากต้นน้ำสู่กลางน้ำและปลายน้ำได้อย่างมีศักยภาพ เพราะผลผลิตมีตลอดทั้งปี
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผลไม้ไทยล้นตลาด ทำให้ราคาตกต่ำ เมื่อระบายออกไม่ได้ สุดท้ายเกษตรกรจำใจต้องปล่อยให้ผลผลิตเน่าเสียโดยเปล่าประโยชน์
ดังนั้นอุตสาหกรรมไอศกรีมไทยจึงเป็นอีกความหวังของเกษตรกรไทย นอกเหนือส่งออกผลไม้สดไปยังตลาดต่างประเทศ”
คุณราเชนทร์
กล่าว
ด้วยศักยภาพภาพผลไม้ไทยออกผลผลิตสู่ท้องตลาดทุกฤดูกาล ทำให้ได้เปรียบประเทศคู่แข่ง ไทยจึงมีความพร้อมที่จะก้าวสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมไอศกรีมในภูมิภาคอาเซียน และก้าวสู่ผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลกได้ไม่ใช่เรื่องยาก
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<