The Big Blue | SMEs จะใช้ Generative AI ให้เป็นประโยชน์อย่างไรได้บ้าง?

หลายคนอาจจะกลัวว่าวันหนึ่ง AI จะมาแย่งงานเราไป เพราะ AI ทำงานได้อย่างชาญฉลาดและพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้

เร็วๆ นี้ เราอาจจะคุ้นหูกับเทคโนโลยี Generative AI ซึ่งก็คือการนำ AI ไปฝึกฝนเพื่อทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้มีความชำนาญ จนสามารถสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ออกมาได้เกือบเทียบเท่ามนุษย์ แล้วอย่างนี้มนุษย์ธรรมดาๆ อย่างเราจะมีที่ยืนตรงไหนกัน ในเมื่อ AI ก็แทบจะทำงานแทนที่เราได้หมดแล้ว?

แต่เมื่อมองอีกมุมหนึ่ง SMEs ก็สามารถมอง Generative AI ให้เป็นโอกาสสร้างความมั่งคั่งให้ตนเองได้เหมือนกันเพราะด้วยข้อจำกัดต่างๆ ของ SMEs ในช่วงก่อร่างสร้างธุรกิจใหม่ๆ อาจสามารถถูกเติมเต็มได้ด้วยประโยชน์จากGenerative AI     

โดย Generative AI เป็นหนึ่งในแขนงของ AI ที่มีความสามารถทำความเข้าใจคำสั่งการสื่อสารกับมนุษย์ และนำคำสั่งที่ได้รับไปประมวล ค้นหาข้อมูล แนะนำข้อความ ภาพ และเสียง ต่างๆกลับมา และสร้างสรรค์ข้อมูลใหม่ ซึ่งก็ช่วยให้ผู้ใช้งาน ทำความเข้าใจข้อมูลการวิเคราะห์ต่างๆได้ ง่ายขึ้น สะดวกและรวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะบริษัทที่อาจมีการใช้เครื่องมือ AI ต่างๆที่มีอยู่เดิม หรือได้พัฒนา machine learning หรือมีอัลกอริทึมในการวิเคราะห์ คาดการณ์ ข้อมูลอยู่เดิมเป็นต้น

เราสามารถใช้ AI เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้แม่นยำยิ่งขึ้น และสามารถออกแบบคอนเทนท์ให้ตรงตามความชื่นชอบของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย SMEs สามารถใช้ช่องทางออนไลน์นี้เป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจได้โดยการวางแผนใช้เครื่องมือทางโซเชียลมีเดียให้มีประสทธิภาพยิ่งขึ้น

SMEs สามารถใช้ Chatbot ที่ใช้ AI เป็นตัวประมวลผล ในการเข้าใจความชื่นชอบและรู้ว่าลูกค้ามักจะสอบถามอะไรสามารถมอบประสบการณ์การให้บริการแบบเฉพาะตัว และมีประสิทธิภาพ 

Chatbot สามารถจัดการกับลูกค้าหลายๆ ในเวลาเดียวกัน ช่วยลดระยะเวลาตอบกลับ เพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มระดับความพึงพอใจของลูกค้า นอกจากนี้ AI Chatbot ยังสามารถเก็บข้อมูลการตอบกลับลูกค้าไปประมวลผล เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการตอบให้ดียิ่งขึ้นอีก ทำให้คุณสามารถแน่ใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับข้อมูลที่ต้องการจะรู้จริงๆ

Generative AI ที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดีอย่าง ChatGPT ช่วยให้ SMEs สามารถเขียนบล็อก ร่างจดหมายสำหรับส่งอีเมล เขียนคำบรรยายสินค้า ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้ขั้นตอนการคิดคอนเทนท์เป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น 

แล้วด้วยความที่คุณสามารถทำคอนเทนท์ออกมาได้เฉพาะเจาะจง ก็จะช่วยให้สามารถจับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น โดยที่ช่วยลดภาระงานของคนทำงานเป็นคอนเทนท์ครีเอเตอร์ลง

เครื่องมือที่ใช้ AI เข้าไปประมวลผล จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจและหาโอกาสในการเติบโตได้ ส่งผลให้SMEs สามารถปรับกลยุทธ์ และนำข้อมูลมาช่วยในการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

การจัดการกับกำหนดการต่างๆ จะต้องคำนึงถึงปัจจัยทั้งพนักงาน ความต้องการลูกค้า และทรัพยากรที่จะต้องใช้ เมื่อมีอัลกอริทึมของ AI ทำให้ธุรกิจสามารถพัฒนาประสิทธิภาพ ลดภาระขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อน ลดต้นทุน นอกจากนี้ยังช่วยให้สามารถปรับไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้ 

AI ช่วยให้ธุรกิจมองเห็นข้อมูลเชิงลึกเพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยให้สามารถแก้จุดอ่อนและคว้าโอกาสมาได้

AI ช่วยให้คุณสามารถบริหารสต็อกสินค้าคงคลังได้ดียิ่งขึ้น เพราะจะสามารถคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า และข้อมูลการขายได้ ทำให้บริษัทรู้ว่าควรสต็อกสินค้าเท่าไหร่ให้ไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป และปรับรูปแบบการขายสินค้าตามพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า

AI สามารถช่วยให้ขั้นตอนตั้งแต่การจัดหา การขนส่งโลจิสติกส์ และการควบคุมคลังสินค้าตลอดทั้งซัพพลายเชนเป็นไปอย่างราบรื่น ลดการทำงานซ้ำซ้อน และลดความผิดพลาดของมนุษย์

การใช้ AI เข้ามาช่วยสรรหาพนักงาน โดยดูจากการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดในเรซูเม่ของผู้สมัคร จะช่วยให้บริษัทได้คนที่เหมาะสมโดยที่ใช้เวลาคัดเลือกน้อยลง แล้วยังได้คนที่มีทักษะตรงตามต้องการ เหมาะกับวัฒนธรรมองค์กร

AI ช่วยลดขั้นตอนที่ยุ่งยากเวลาออกแบบลงไป ตั้งแต่การทำสินค้าตัวอย่าง ไปจนถึงองค์ประกอบของแบรนด์ ทำให้ช่วยลดเวลาและลดแรงคนไปได้อย่างมาก ทีนี้เวลาบริษัทมีไอเดียอะไรใหม่ๆ ก็สามารถทำให้เป็นจริงได้เร็วขึ้น แล้วยังสามารถปรับดีไซน์ใหม่ได้เร็วขึ้น ทำให้ได้สินค้าที่ลูกค้าสนใจจริงๆ

ถ้าอ่านมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่า AI ไม่ได้เข้ามาแทนที่เรา หากเรารู้จักที่จะปรับตัว ดังนั้นคำถามสำคัญที่คุณควรถามตัวเอง ไม่ใช่ “AI จะมาแทนที่เราได้ไหม?” แต่เป็น “เราสามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างไรบ้าง? ” 

อย่างไรก็ตามการใช้ Generative AI ซึ่งที่สำคัญคือผู้ใช้จะต้องรู้ถึงข้อจำกัดของเครื่องมือ เพราะความถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับจาก Generative AI ซึ่งขึ้นอยู่กับทั้งตัวข้อมูลและการตั้งคำถาม นอกจากนี้ด้วยการที่ Generative AI นั้นมีความสามารถในการสร้างสรรค์ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ใช้จะต้องให้ความสำคัญกับการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับจากการใช้งาน 

นอกจากนี้การใช้งาน Generative AI ต่างๆนั้นก็มีทั้งแบบ public และ private ในปัจจุบัน หากเราเลือกใช้งาน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ เพราะหากเป็น โมเดลที่เป็น public ข้อมูลขององค์กรที่เราใส่เข้าไปในระบบก็อาจจะถูกนำไปใช้ส่งและเทรนด์โมเดลให้กับสาธารณะ และมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ข้อมูลอาจหลุดสู่สาธารณะได้