เจาะเทรนด์โลก 2024 เผยอินไซต์เจน Baby Boomer-Z ปูทาง วางกลยุทธ์ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่

บทความที่แล้ว เราได้พูดถึงปัจจัยท้าทายที่ยังรุมเร้าให้เอกชนต้องปรับแผน เกาะติดเทรนด์ธุรกิจที่สำคัญในปี 2024 เพื่อให้ธุรกิจสามารถวางแผน และให้ก้าวทันเทรนด์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ฝ่าความท้าทายพร้อมสร้างความได้เปรียบให้ธุรกิจแข็งแกร่งให้อยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืน

อ่านบทความก่อนหน้า คลิก : https://www.bangkokbanksme.com/en/trend-business-2024

• จับตาเทรนด์ธุรกิจ 2024 พร้อม 5 อันดับธุรกิจมาแรง เพิ่มโอกาสเติบโต สร้างความได้เปรียบให้ SME

เพื่อให้ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ SME ทุกท่าน ก้าวสู่ปี 2024 อย่างมั่นคง โดยเฉพาะช่วงแห่งการเฉลิมฉลองของผู้คนทั่วโลก รวมถึงช่วงเวลาทองของคนทำธุรกิจที่จะถือโอกาสนี้จัดแคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดขายให้คึกคักส่งท้ายปี อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบต้องศึกษาและให้ความสนใจไม่แพ้กัน คือการศึกษาเทรนด์พฤติกรรมใหม่ของ ‘ผู้บริโภค’ ว่าจะปรับเปลี่ยนไปในทิศทางอย่างไรในปีหน้า เพื่อนำมาสู่การเตรียมความพร้อมวางแผนกลยุทธ์ ให้ตอบโจทย์กับวิถีการดำรงชีวิตประจำวัน จับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคให้ตรงใจ สร้างการได้เปรียบในการแข่งขันและปั้นยอดขายให้เติบโตแบบยาว ๆ

และทุกช่วงใกล้ ๆ สิ้นปี นิตยสาร “คิด” Creative Thailand จะ Update เรื่องราวการเจาะลึก 4 มิติสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ ‘ธุรกิจสร้างสรรค์’ ได้แก่ ผู้คน (Population) สังคมและวัฒนธรรม (Social & Culture) นวัตกรรมและเทคโนโลยี (Technology) รวมถึงนิเวศและสิ่งแวดล้อม (Environment) เจเนอเรชัน สีแห่งปี รวมถึงเทรนด์ผู้บริโภคที่น่าจับตามอง ที่เราขอนำมาสรุปให้ในบทความนี้

เจาะเทรนด์โลก “Trend 2024: REMADE ANEW”

อีบุ๊กส์ฉบับสมบูรณ์ “เจาะเทรนด์โลก 2024” ระบุว่า ในปีหน้าที่จะมาถึง เป็นปีที่ต้อง “REMADE ANEW” ก้าวสู่ยุคที่ผู้คนต้องฮีลลิ่งจิตใจ ฟื้นฟูสิ่งเดิม พร้อมเปิดกว้างรับทุกความท้าทายใหม่ ๆ มากกว่าที่ใครจะคาดคิด โลกจะฝากความหวังไว้กับ ‘ภาคธุรกิจ’ ในการมีบทบาทร่วมด้วยช่วยกันเพื่อสร้างอนาคตที่ดียิ่งขึ้น พร้อมผนึกกำลังกับทุกภาคส่วนร่วมกันแก้ปัญหาและทุกภาคส่วนร่วมความท้าทายทางสังคม

สำหรับ Customer Generation ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการแบ่งกลุ่มผู้บริโภคหรือลูกค้า (Segmentation) เพราะคนในแต่ละช่วงวัยหรือเจนเนอเรชัน พบอุปสรรคและความท้าต่างกัน ส่งผลให้คนแต่ละ เจน มีพฤติกรรมการบริโภคสินค้าแตกต่างกันออกไป การทำความเข้าใจกับ Customer Generation แต่ละกลุ่ม จะช่วยให้แบรนด์รู้ว่าควรจะออกผลิตภัณฑ์แบบไหน ทำการตลาดหรือควรมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาอย่างไร

Generation of 2024 เจาะอินไซต์ทุกเจน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่มากกว่าเดิม

การสำรวจ เจาะลึกผู้คนทั้ง 5 เจเนอเรชัน ได้แก่ Baby Boomer, X, Millennial, Z และ Alpha เพื่อเรียนรู้ และตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละรุ่น อันจะนำไปสู่การสร้างแนวทางธุรกิจที่โดนใจกลุ่มผู้บริโภคแบบไม่ต้องนั่งเดาใจอีกต่อไป มีดังนี้

• กลุ่ม Baby Boomer (1946-1964)

กลุ่มนี้ มีแนวโน้มสนใจไลฟ์สไตล์ดิจิทัลมากขึ้น และลงทุนกับด้านสุขภาพ การท่องเที่ยว และกิจกรรมเข้าสังคมอื่น ๆ พร้อมเปิดรับการเป็น ‘นักลอง’ สานฝันประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยได้ทำ

สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการที่ต้องการศักยภาพต่อธุรกิจ

เบบี้บูมเมอร์ที่มีเวลาล้นเหลือ ได้บ่มเพาะไลฟ์สไตล์ดิจิทัลมาตลอดเวลาหลังเกษียณ จนมีเฟซบุ๊ก เป็นสื่อโซเชียลที่ครองใจอันดับหนึ่งทั่วโลก เจนบูมเมอร์ กลายเป็นลูกค้าผู้ทดลองดาวน์โหลดแอปพลิเคชันแบบใช้ฟรี และแบบจ่ายเงินมากกว่า 1.2 พันล้านครั้งต่อเดือน หลายแบรนด์จึงหันมาลงทุนด้านโฆษณาผ่านแอปพลิเคชัน หรือคัดสรรคอนเทนต์ที่เอาใจวัยเก๋ามาไว้บนสื่อโซเชียลอย่างเฟซบุ๊ก และ ติ๊กต่อกมากขึ้น เพื่อจูงใจให้เหล่าบูมเมอร์ตามไปดาวน์โหลดต่อบนแอปพลิเคชัน

รายงานจาก AARP ระบุุว่าบููมเมอร์ 40%วางแผนที่่จะ “ทำงานจนกว่าจะตกงาน” ไม่ว่าจะด้วยเหตุุผลด้านการเงิน หรือการที่พวกเขาไม่สามารถนั่งอยู่เฉย ๆ ได้ หลายคนเลือกทำงานจนถึงอายุ 70 ปี ปลาย ๆ โดยงานที่เลือกทำจะต้องเห็นคุณค่า และได้รับการยอมรับจากสังคม แม้จะไม่มีอำนาจตัดสินใจ แต่การมีตำแหน่งที่ปรึกษาเพื่อเกื้อหนุนกิจการหรือส่งเสริมแงค์กรให้ยั่งยืน ถือเป็นความสำเร็จของคนวัยนี้

หลังจากต้องใช้ชีวิตอย่างอดออมมาหลายปี ด้วยความกังวลเรื่องโรคระบาด เบบี้บูมเมอร์ จะเป็นกลุ่มที่พร้อมจ่ายเงินแบบสุดโต่งมากที่สุดเพื่อใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในช่วงบั้นปลาย ได้แก่ การลงทุนด้านสุขภาพ การรับประทานอาหารนอกบ้าน ท่องเที่ยว และกิจกรรมการเข้าสังคม โดยผู้สูงอายุส่วนใหญ่เริ่มเปิดใจกับการสั่งอาหารเดลิเวอรี่ ตู้กดอาหาร และหุ่นยนต์สาธารณะมากขึ้น เพราะสิ่งเหล่านี้ คือการจ่ายที่ทำให้รู้สึกถึง 'การเท่าทันโลก'

นอกจากนี้ การตลาดกับกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ที่น่าสนใจ คือ ‘การตลาดแบบไม่จำกัดอายุ’ หรือ Ageless Marketing หากแบรนด์ทำตลาดแนวนี้ก็จะเข้ากับความสนใจ และความสบายใจ สำหรับคนรุ่นบูมเมอร์ที่จะสานฝันกิจกรรมหรือประสบการณ์ที่ไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน อาทิ การใส่เสื้อผ้าแฟชั่นที่ไม่จำกัดอายุ หรือมีสีสันฉูดฉาด การสานฝันนี้อาจรวมถึงการมีตัวตนบนสื่อออนไลน์ อย่างการเป็นครีเอเตอร์ที่ผลิตคอนเทนต์ หรือไอดอลผู้สร้างสรรค์งานบันเทิงแม้จะมีอายุอยู่ในวัยเกษียณแล้วก็ตาม

• Generation X (1965-1980)

Generation X หรือเจนเอ็กซ์ กลายเป็น ‘เดอะแบก’ จากความกดดันต่าง ๆ ในช่วงวันที่เปลี่ยนผ่าน ทั้งภาระทางการเงิน และการวางแผนเพื่อความมั่นคง ทั้งยังมีภาระหนี้สินมากกว่ารุ่นอื่น ๆ เพราะต้องดูแลครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ จึงมีความสนใจ พัฒนาทักษะรอบด้านสำหรับการเป็นผู้นำ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ “ผู้หญิง” และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนก็กำลังเติบโตตามไปด้วย

ประสบการณ์จากการอยู่ในกลุ่มแรงงานช่วงเศรษฐกิจตกต่ำต้นทศวรรษ 1990 ภาวะฟองสบู่แตก และวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ปี 2008 ทำให้เจนเอ็กซ์ ตระหนักถึงความสำคัญของการจ้างงานเป็นอย่างดี แม้วัยนี้ หลายคนจะดำรงตำแหน่งในระดับสูงขึ้น แต่การเลิกจ้างครั้งใหญ่ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อบรรดาผู้บริหารแบบไม่เคยมีมาก่อน หลายคนก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำด้วยการฝึกฝนทักษะใหม่ ไม่ว่าจะเป็นความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี การแก้ปัญหาความขัดแย้ง เพื่อเตรียมพร้อมในสภาพการทำงานที่เปลี่ยนไป

งานวิจัยของ ไมเคิล เอส.นอร์ท (Michael S. North) จากสถาบันสเทิร์น มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ระบุว่า วัยกลางคนมีควากดดันมากกว่าค่าเฉลี่ย ทั้งเรื่องการสร้างรายได้ ความเครียดด้านการเงิน การวางแผนเกษียณอายุที่มั่นคง ข้อมูลระบอีกว่า เจนเอ็กซ์มีภาระหนี้สินมากกว่าเจนอื่น เนื่องจากต้องดูแลทั้งพ่อแม่ และลูก ๆ ของพวกเขาไปพร้อมกัน

ทั้งนี้ 49% ของเจนเอ็กซ์ นิยมซื้อเสื้อผ้าในร้านค้าเพื่อทดลองใช้ผลิตภัณฑ์จริง ขณะที่ 51% นิยมซื้อผ่านออนไลน์ เพราะสะดวกสบาย แม้ค่าเฉลี่ยจะใกล้เคียงกัน แต่รายงานพบความถี่ในการจับจ่ายของผู้บริโภค โดยกลุ่มที่ซื้อจากร้านค้ามักจับจ่ายสินค้าเกี่ยวกับความงามทุกเดือน เมื่อเทียบการช้อปปิ้งออนไลน์ของผู้บริโภค จะเฉลี่ยเพียงไตรมาสละ 1 ครั้ง ส่วนใหญ่จะใช้จ่ายราว 60 ดอลลาร์สหรัฐในสินค้าประเภทความงาม เครื่องสำอาง โดย 1 ใน 4 ใช้จ่ายมากกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนให้เห็นถึงผู้บริโภคในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยได้อย่างชัดเจน

• Millennial (1980-1995)

เจนที่เปรียบเสมือน ‘ตัวแปร’ สำคัญ ที่กำหนดทิศทางการลงทุน และการจับจ่ายในครัวเรือน ด้วยช่วงวัยที่กำลังสร้างรากฐานความมั่นคงในชีวิต มีความสนใจวัฒนธรรมการกินดื่ม การท่องเที่ยวแบบหรูหราหรือเอ็กซ์คลูซีฟ และเทรนด์ไม่อยากมีลูก แต่เลือกมีสัตว์เลี้ยงไว้คลายเหงา

เอเชีย ครองแชมป์ภูมิภาคที่มีประชากรชาวมิลเลนเนียลมากที่สุดในโลก โดย World Economic Forum ระบุว่า ทั่วโลกมีชาวมิลเลนเนียลราว 1.8 ล้านคน อยู่ในเอเชียจำนวน 1.1 พันล้านคน ซึ่งประชากรเหล่านี้ คือตัวแปรสำคัญสำหรับอัตราการจ้างงาน การลงทุนในสินทรัพย์ และการจับจ่ายภายในครัวเรือน เพราะเป็นวัยสร้างรากฐาน ความมั่นคงในครอบครัวและการลงทุนด้านคุณภาพชีวิตของลูก ๆ ของพวกเขา

สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการที่ต้องการศักยภาพต่อธุรกิจ

จำนวน 36% ของคนโสดรุ่นมิลเลนเนียล ยังคงอาศัยอาศัยอยู่กับพ่อแม่ โดยมองว่าการออกเดตเป็นเรื่องท้าทาย การให้บริการสำหรับธุรกิจที่จะตอบโจทย์ อาจเป็นรูปแบบการให้บริการลูกค้าสำหรับท่านเดียวหรือที่เรียกว่า “Solo Service” เช่น ร้านอาหารที่บริการพื้นที่สำหรับคนโสดหรือลูกค้าที่มาใช้บริการคนเดียว หรือการออกแบบคอมมูนิตี้สำหรับคนโสดทั้งรูปแบบ Public space, Co-working space หรืออพาร์ตเม้นท์สำหรับคนโสดที่ออกแบบพื้นที่สำหรับอาศัยคนเดียว

การมีลูก ท่ามกลางค่าของชีพสูงเกินเพดาน อาจเป็นความเสี่ยงสำหรับคู่รักที่มีรายได้ไม่มั่นคง โดยผลสำรวจจาก WGSN บริษัทคาดการณ์แนวโน้มชั้นนำของโลก พบว่าในสหรัฐอเมริกามีคู่รักที่กังวลเกี่ยวกับการให้กำเนิดบุตรในช่วง 2-3 ปี มากถึง 96% บางคนยังกังวลเรื่องวัคซีน โควิด-19 ขณะที่บางคนกังวลเรื่องสถานะงาน Gig Worker หรือคนทำงานอิสระต้องการความมั่นคงด้านสภาพคล่องทางการเงินก่อนมีบุตร

ในทางกลับกัน ชาวมิลเลนเนียล 60% บอกว่า การไม่มีลูกทำให้พวกเขาสามารถมีเงินเก็บเพื่อท่องเที่ยวและ 74% บอกว่าการมีสัตว์เลี้ยงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มสมาชิกในครอบครัวได้

มิลเลนเนียล ชอบท่องเที่ยวทริปสุดหรู

แม้เศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างช้า ๆ แต่ตลาดท่องเที่ยวสไตล์หรูหรายังทำรายได้สูงอย่างต่อเนื่อง จากรายงาน Cost of Living Crisis ของ WGSN คาดว่าภายในปี 2032 การท่องเที่ยวทุกประเภท จะสามารถเติบโตทะลุ 1.5 แสนดอลลาร์สหรัฐ

เจนซีและมิลเลนเนียลจะกลายเป็นลูกค้าที่มี Loyalty ลำดับต้น ๆ ที่ใช้บริการการท่องเที่ยวแบบหรูหรา หรือ Exclusive โดยเฉพาะมิลเลนเนียลคู่รักหรือสายโสด ที่มักใช้สโลแกน Paycheque-to-Paycheque ซึ่งหมายถึง การทำงานหาเงินเพื่อนำเงินไปใช้ชีวิต การแสวงหาประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ผู้ประกอบจึงอาจคิดกลยุทธ์ในรูปแบบความหรูหราทเพื่อตอบโจทย์เทรนด์เหล่านี้

พฤติกรรมการดื่มกาแฟของชาวมิลเลนเนียมเปลี่ยนไป

สหรัฐอเมริกา มีจำนวนผู้บริโภคกาแฟชาวมิลเลนเนียมจำนวน 44% แต่ปัจจุบันพวกเขาเริ่มกังวลเรื่องผลกระทบของกาแฟที่มีต่อสุขภาพ และตระหนักถึงอาการข้างเคียงจากฤทธิ์กาแฟ เช่น อาการนอนไม่หลับและระดับความวิตกกังวลสูงกว่าปกติ ผู้ที่อายุ 25 ถึง 39 ปีเผยว่า หากดื่มกาแฟมากไป พวกเขาจะรู้สึกมึนเมาในวันถัดไปจนไม่สามารถมีแรงทำงาน

สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้นักดื่มจำนวนมาก เปลี่ยนมาดื่มกาแฟไร้คาเฟ่อีน หรือเครื่องดื่มกาแฟที่ระบุจำนวนคาเฟ่อีนเพื่อจะคำนวณปริมาณคาเฟ่อีนที่พวกเขาสามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัย หรือเลือกเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ เพื่อกระตุ้นการตื่นตัวทดแทนคาเฟ่อีน

Generation Z (1996-2012)

เจนซี เน้นการ ‘สร้างตัวตน’ ให้เป็นที่รู้จักแบบไม่ Mass และมีพฤติกรรมต่อต้านสื่อดิจิทัล หันไปให้ความสนใจกับสื่อหรือกิจกรรมแอนาล็อกมากขึ้น ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตใจที่ดี และการทำงานแบบยืดหยุ่น

เพราะคนเจนซี (Gen-Z) เติบโตและก้าวสู่วัยผู้ใหญ่ด้วยแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เมื่อบรรลุนิติภาวะพวกเขาจะตระหนักถึงผลกระทบของสื่อดิจิทัลและเข้าใจการใช้ชีวิตที่แขวนไว้บนโลกออนไลน์ ว่าอาจเป็นภัยร้ายของการถูกบูลลี่ หรือโจมตีโดยผู้ที่มีทัศนคติทางสังคมและการเมืองต่างกัน จึงเกิดพฤติกรรมต่อต้านสื่อดิจิทัลและหันไปให้ความสนใจกับกิจกรรมแอนะล็อกมากขึ้น เริ่มจากไลฟ์สไตล์การใส่เสื้อผ้าแนว Y2K เลือกใช้โทรศัพท์ที่มีฝาพับ หรือเลือกแก๊ดเจ็ตหูฟังที่ให้ความรู้สึกหวนกลับสู่อดีต

ชอบสัมผัสสินค้าจริง - เลือกสินค้ารักษ์โลก

แม้จะเชี่ยวชาญการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ แต่เมื่อเทียบการจับจ่ายซื้อของ เจนซีเป็นลูกค้าที่ชื่นชอบการช้อปปิ้งสินค้าตามช็อปมากกว่าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเฉพาะการเลือกซื้อสินค้ามือสอง หรือสินค้าตามร้านป๊อบอัพที่อาจไม่มีหน้าร้านถาวร ประสบการณ์ที่ได้จับสินค้าจริงบวกกับการโฆษณาผ่านครีเอเตอร์ที่ตอบโจทย์ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) จะทำให้สินค้ามีคุณค่าและสามารถเข้าถึงเจนซีได้

สำหรับการเลือกใช้สินค้ารักษ์โลก เจนซีจำนวน 62% กล่าวว่า จำเป็นต้องแบรนด์ที่ไม่โด่งดังจนเกิดเป็นสินค้าในตลาดมวลชน หรือ (Mass Market) ขณะที่การเลือกซื้อสินค้าแฟชั่น ไม่จำเป็นต้องมีราคาสูง แต่หากจะเลือกสินค้าในราคาสูง จำเป็นต้องเป็นสินค้าที่แตกต่างจากคนหมู่มาก บอกความเป็นตัวตนได้ และไม่สามารถหาซื้อได้โดยง่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์

IoT สำหรับเจนซี ไม่ได้หมายถึง Internet of Things แต่หมายถึง Internet of Trends ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นจากกระแสที่เกิดขึ้นบน TikTok ส่งผลต่อการตลาดบนชีวิตจริงในช่วงระยะที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ขนมเครื่องดื่ม หรือแม้แต่ไลฟ์สไตล์การทำกิจกรรม และการรวมกลุ่มถ่ายรูปตามสถานที่ต่าง ๆ ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่

Microsoft เผยว่า พนักงานเจนซี ชื่นชอบการโพสต์ชีวิตการทำงานลงบนสื่อโซเชียลและมองหางานที่ถูกระบุเงื่อนไขบนเว็บไซต์ LinkedIn ว่า “Flexibility” มากสุดถึง 77% สอดคล้องกับผลสำรวจของ talentLMS ที่ชี้ว่าแรงงานเจนซี ชอบการทำงานแบบยืดหยุ่นมากถึง 88% โดยส่วนใหญ่ตอบรับการทำงานแบบ Hybrid Work หรือการทำงานแบบผสมผสาน วางแผนการเข้างานที่บริษัทและทำงานจากทางไกลได้อย่างสมดุล ปัจจัยถัดมาที่ช่วยดึงพนักงานไว้นานสุด หรือรักษาความมั่นคงในองค์กร คือคำว่า “Mental Health” หรือการมีสุขภาพจิตที่ดี ซึ่งเริ่มต้นจากการเข้าสังคมแบบเจอหน้ากัน การสร้างระบบความเท่าเทียมและลดอคติระหว่างพนักงานต่างระดับ ต่างเพศ ต่างศาสนา ต่างขั้วการเมือง หรือต่างสถาบันที่จบการศึกษามา

สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการที่ต้องการศักยภาพต่อธุรกิจ

แบรนด์ที่ให้ความสำคัญด้านสุขภาพสำหรับเพศที่หลากหลาย จะตอบโจทย์เจนซีได้ เนื่องจากพวกเขาเป็นกลุ่มที่ขึ้นชื่อเรื่องการเปิดกว้างด้านเพศ ยินดีใช้แอปพลิเคชันที่เสริมสร้างความรู้ และสามารถจัดลำดับความสำคัญในกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัย

• Alpha (2010-2024)

เจนแห่งความ ‘หลากหลาย’ มีความคิดสร้างสรรค์ สนับสนุนการแสดงออกของตัวตน มีพฤติกรรมชอบเล่นเกมมากกว่าดูโทรทัศน์หรือเล่นโซเชียลมีเดีย และมีความเคารพผู้อื่นที่ไม่ได้จำกัดแค่อายุ

ในปี 2024 เจนอัลฟ่า (Alpha) จะเป็นประชากรที่มีครบ 2.2 พันล้านคนทั่วโลก โดยมีอัตราการเกิดมากกว่า 2.7 ล้านคนในแต่ละสัปดาห์ ช่วงอายุมากสุดคือ 14 ปี พวกเขากำลังเติบโตเข้าสู่วัยรุ่นและจะก้าวสู่วัยผู้ใหญ่ในปี 2030

สหพันธ์การค้าปลีกแห่งชาติ (National Retail Federation) รายงานว่า 80 - 90% ของครอบครัวในสหรัฐอเมริกากล่าวว่า เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี คือสมาชิกครอบครัวหลักที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของพวกเขา ในสหราชอาณาจักร สถาบันการเงินต่างสังเกตเห็นความต้องการนี้จนเกิดบริการอย่างแอปพลิเคชัน GoHenry ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยให้ผู้ปกครองสามารถตรวจสอบการใช้จ่ายของเด็กเจนอัลฟา หรือเจนซีในบ้านได้

เจนอัลฟา เติบโตพร้อมความพิเศษเฉพาะตัวเป็นเจนเนอเรชันที่มีความหลากหลาย และมีวิธีคิดแบบนับรวมคนทุกกลุ่ม (Inclusive) แม้ว่าจะเป็นชาวดิจิทัลโดยกำเนิดและทุกมิติของการใช้ชีวิตขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี แต่เจนอัลฟาก็มองหาการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีมีความคิดสร้างสรรค์และสนับสนุนการแสดงออกถึงตัวตน

บริษัทที่ปรึกษา Beano for Brands พบว่า 80 - 86% ของเจนอัลฟา หลงใหลทักษะการออกแบบเชิงสร้างสรรค์และมีวิธีคิดแบบผู้ประกอบการโดยธรรมชาติ ทั้งยังชอบเล่นเกมอีกด้วย GWI พบว่าเด็กหนึ่ง 1ใน 4 ที่มีมีอายุระหว่าง 8 - 15 ปี กล่าวว่าการเล่นวิดีโอเกมเป็นกิจกรรมที่พวกเขาเลือกใช้ในเวลาว่างและวันหยุด จึงควรมีแพลตฟอร์มหรือการตลาดแบบเกมให้เจนอัลฟาได้สร้างตัวตนเสมือนจริงของตนเอง ผ่านการออกแบบและการปรับแต่งเฉพาะตัว

ทั้งนี้ เจนอัลฟาจะเป็นคนกลุ่มแรกที่เติบโตในยุุคฟิจิตทัล (Phygital) ช่วงเวลาที่โลกเสมือนและโลกแห่งความจริงผสมผสานเข้าหากัน พวกเขาอาศัยอยู่ในโลกเสมือนจริง แต่ก็ยังมีเวลาออกไปเล่นนอกบ้าน เติบโตขึ้นมาในโลกแห่งสังคมหลังความจริง (Post-Truth Society) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เจนอัลฟาสร้างกลุ่มเพื่อนหลาย ๆ คนได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังมีความอุุตสาหะและมีไหวพริบ หากไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการจากผลิตภัณฑ์หนึ่ง ๆ พวกเขาจะค้นหาวิธีสร้างผลิตภัณฑ์นั้นใน YouTube ด้วยตนเอง

ธุรกิจต่าง ๆ ควรวางบทบาทเป็นตัวแทนและสะท้อนถึงโลกอันหลากหลายด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และสร้างผลิตและสร้างประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนเจนนี้

4 Consumer Profile 2024 โฉมหน้า ‘ผู้บริโภค’ แห่งปี ให้ทุกธุรกิจตอบโจทย์ได้ทันใจ

• สำรวจเทรนด์ผู้บริโภคที่น่าจับตามองประจำปี 2024

เทรนด์ผู้บริโภคที่น่าจับตามองประจำปี 2024 เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจให้โดนใจ

ได้แก่ 1) The New Sensorialist : ช้อปพร้อมจ่าย ถ้าได้เข้าถึงประสบการณ์ก่อนใคร

นับเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มั่นใจในสภาพการเงินในอนาคต กับเทรนด์ ‘Buy Now Pay Later - ซื้อก่อน-จ่ายทีหลัง’ แต่ยังคงมีความต้องการเข้าถึงประสบการณ์ใหม่ก่อนใครเสมอ

2) The Memory Maker: ขจัดความทรงจำแย่ ๆ และเป็นคนใหม่ที่เจ๋งกว่าเดิม ที่เน้นกลุ่มผู้บริโภคด้าน ‘สุขภาพกายและใจ’ ด้วยการคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดด้วยการช้อปปิงที่สะดวกสบาย แต่ยังความหรูหรา

3) The Connector: เชื่อมต่อโลกด้วยการสร้างความหมายใหม่ กลุ่มผู้บริโภคที่คำนึงถึงเรื่องราคาเป็นหลักและความยั่งยืนมากกว่าการครอบครองสินค้าใหม่ จึงเหมาะกับโมเดลธุรกิจแบบ ‘รีเซล’ ควบคู่กับการบริการที่หลายแบรนด์ให้ความสนใจและนำไปต่อยอด

และ 4) The Frugalist: เปย์ได้ภายใต้ข้อจำกัด เพราะถนัดเรื่องความคุ้มค่า คือกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ครอบคลุมตั้งแต่เจนมิลเลนเนียลจนถึงเจนซี ยึดถือแนวคิด ‘ปฏิบัตินิยม’ (Pragmatism) ที่คำนึงถึงการตระหนักรู้และมีประสิทธิภาพ เน้นการบำรุงซ่อมแซมมากกว่าจะตัดใจทิ้ง นี่จึงเป็นโอกาสสำหรับแบรนด์ในการเพิ่มบริการซ่อมแซมเพื่อตอบโจทย์ให้มากขึ้น

ปี 2024 ที่กำลังจะมาถึงนี้ จึงนับเป็นอีกปีแห่งการเตรียมความพร้อม เพื่อเริ่มใหม่และก้าวต่อไป ด้วยชีวิตวิถีใหม่และใจที่ได้รับการฟื้นฟู พร้อมที่จะคว้าโอกาสความสำเร็จในช่วงเวลาแห่งอนาคต หากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค คือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่ทุกแบรนด์ต้องทำ คือรู้ทันเทรนด์ธุรกิจ เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่ตรงใจคนทุกวัย ในแต่ละเจนเนอเรชัน เพื่อพร้อมก้าวต่อไปสู่ความสำเร็จ ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปี

พบบทความครั้งต่อไปใน พ.ศ.หน้า

อ้างอิง

ข้อมูลจาก Trend 2024: REMADE ANEW

รวบรวมบทวิเคราะห์เจาะลึก เกาะติดทุกแนวโน้มและความเคลื่อนไหวที่กำลังจะเกิดขึ้นในภาคธุรกิจสร้างสรรค์

ดาวน์โหลดได้ที่ www.tcdc.or.th

https://www.tcdc.or.th/th/all/service/resource-center/e-book/34204-trend-2024

https://wisesight.com/th/customer-generations-2023/