การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุกำลังเกิดขึ้นกับทุกประเทศทั่วโลก
เช่นกันกับประเทศไทยก็กำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัวในปี 2565 (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า)
ซึ่งการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุได้นำไปสู่การสร้างโอกาส และเกิดความท้าทายในด้านทักษะแรงงานที่ต้องเพิ่มผลิตภาพ
เพื่อรับมือกับการขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งเกิดการปรับตัวในแนวโน้มความต้องการพื้นฐานต่างๆ
อาทิ ความมั่นคงด้านสุขภาพระยะยาว ความมั่นคงด้านการเงิน สินค้าและบริการสำหรับผู้สูงอายุ
ซึ่งเป็นโอกาสของผู้ประกอบการในการก้าวเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น การดูแลผู้สูงอายุ
กิจกรรมสำหรับผู้สูงวัย รวมถึงที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
5 เทรนด์ธุรกิจมาแรงในอนาคต รองรับสังคมผู้สูงอายุ
1. ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ
เนื่องจากผู้สูงอายุบางรายอาจมีสภาพร่างกายที่ช่วยเหลือตนเองได้น้อยลง
ทำให้ต้องมองหาบริการดูแลผู้สูงอายุทั้งแบบระยะสั้นหรือระยะยาว อย่างธุรกิจ Home Care ก็ถือเป็นธุรกิจเพื่อผู้สูงอายุที่กำลังมาแรง
โดยจะส่งคนเข้ามาดูแลเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การจัดเตรียมอาหาร ยา
ทำงานบ้าน และคอยดูแลด้านต่างๆ
นอกจากนี้ธุรกิจประเภทนี้ยังมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นทุกปี และมีแนวโน้มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
2. ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ
กลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นอาหารคลีน หรืออาหารที่ใช้วัตถุดิบออร์แกนิก รวมทั้งวิตามิน
อาหารเสริมต่างๆ ยังเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงในหมู่ผู้สูงอายุ
เพราะการดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากกับผู้สูงวัย ดังนั้นการเลือกบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการดูแลร่างกาย
3. ธุรกิจ Health &
Wellness
เป็นธุรกิจเพื่อช่วยฟื้นฟูบำบัดร่างกายผู้สูงอายุที่หันมาใส่ใจสุขภาพ
เช่น ธุรกิจสปาที่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาให้บริการ ด้วยการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
หรือมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง
มีส่วนผสมหรือวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติจะยิ่งช่วยมัดใจลูกค้ากลุ่มนี้ได้อย่างดี
นอกจากนี้อาจมีฟิตเนสที่จัดโปรแกรมเพื่อผู้สูงวัยโดยเฉพาะ สามารถช่วยชะลอวัย
เสริมสุขภาพให้แข็งแรง เรียกได้ว่าเป็นเทรนด์ผู้สูงอายุยุคใหม่ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ธุรกิจอื่นๆ
ในตลาดเลย
4. ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
เป็นเทรนด์การท่องเที่ยวแบบใหม่ที่กำลังมาแรงอย่างมากในขณะนี้
และน่าจะตอบโจทย์ผู้สูงอายุ เพราะได้ทั้งการพักผ่อนหย่อนใจ และสุขภาพดีอีกด้วย
ซึ่งจะต้องเน้นโปรแกรมท่องเที่ยวแบบสบายๆ ใช้เวลาเดินทางไม่นานนัก มีกิจกรรมเบาๆ
ไม่เร่งรีบ เพื่อเอื้อต่อพฤติกรรมและสุขภาพของผู้สูงอายุ พร้อมกับจัดสรรเวลาส่วนหนึ่งเพื่อมาทำกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพอย่างถูกวิธีตามหลักทางการแพทย์
เช่น การนวด/อบ/ประคบสมุนไพร การบริการสุคนธบำบัด และวารีบำบัด เป็นต้น
นอกจากนี้อาจมีการจัดทริปพาผู้สูงอายุไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มจะช่วยเพิ่มความสนุกสนาน
ทำให้ผู้สูงอายุได้พบปะกับกลุ่มคนวัยเดียวกันอีกด้วย
5. ธุรกิจสัตว์เลี้ยงดูแลผู้สูงอายุ
จากการที่ต้องใช้ชีวิตเพียงลำพัง
การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้ผ่อนคลาย และคลายเหงาได้
ส่งผลให้เกิดธุรกิจสัตว์เลี้ยงขึ้นมามากมาย ยิ่งหากเป็นสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข ที่ได้รับการฝึกมาโดยเฉพาะเพื่อดูแลผู้สูงอายุแล้ว
นับว่าตอบโจทย์ความต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก
กระจายธุรกิจสู่นักลงทุนต่างชาติ
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับธุรกิจดูแลผู้สูงอายุไว้ว่า
ในปี 2564
(เดือนมกราคม-มีนาคม) มีการจัดตั้งธุรกิจใหม่จำนวน 52 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 79.31%
สำหรับการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ พบว่า ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุเป็นที่นิยมของผู้ประกอบการในการประกอบธุรกิจในช่วง
2-3 ปีที่ผ่านมา
มีจำนวนการจัดตั้งเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561-2563
โดยในปี 2562 ที่ธุรกิจมีอัตราการเติบโตกว่าปีก่อนหน้ากว่า 50% และในขณะที่ปี 2563 ซึ่งเผชิญกับสถานการณ์โควิด 19 ก็ยังคงมีผู้สนใจในธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่องใกล้เคียงกับปี 2562
โดยธุรกิจดูแลผู้สูงอายุปัจจุบัน มีนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่จำนวน 493 ราย มูลค่าทุนรวมทั้งหมดอยู่ที่ 1,615.93 ล้านบาท โดยดำเนินกิจการในรูปแบบบริษัทจำกัด ซึ่งคิดเป็น 70.99% หรือ 350 ราย รองลงมาคือ ห้างหุ้นส่วนจำกัดและห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล มีจำนวน 143 ราย คิดเป็น 29.01%ซึ่งไม่มีการจดทะเบียนในรูปแบบบริษัทมหาชนจำกัด เนื่องจากเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง ที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท มากถึง 95.13% การเพิ่มทุนของธุรกิจในปี 2564 (เดือนมกราคม-มีนาคม) โดยมีจำนวนเพิ่มขึ้น 8 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ยังมีการลงทุนของต่างชาติในนิติบุคคลไทยที่ประกอบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ
มีมูลค่าการลงทุน 159.29 ล้านบาท คิดเป็น 9.86% ของการลงทุนในธุรกิจนี้ โดยการลงทุนของต่างชาติในเดือนมีนาคม
2564 มีมูลค่าลงลด 13.63% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนสัญชาติที่ลงทุนในธุรกิจสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
สิงคโปร์ มูลค่า 91.40 ล้านบาท คิดเป็น 5.66% รองลงมาคือ สวิตเซอร์แลนด์ มูลค่า 33.60 ล้านบาท
คิดเป็น 2.08% และจีน มูลค่า 17.18 ล้านบาท
คิดเป็น 1.06%
ซึ่งธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและภาคกลางเป็นหลัก
คิดเป็นสัดส่วน 65.93% รองลงมาคือภาคเหนือและภาคตะวันออก คิดเป็น 14.20%
และ 7.72% โดยในพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีการจัดตั้งธุรกิจ 3 อันดับแรก ได้แก่ นนทบุรี 70 ราย รองลงมาคือ
เชียงใหม่ 37 ราย ปทุมธานีและชลบุรีจังหวัดละ 23 ราย
ปัจจุบันในตลาดผู้สูงอายุยังไม่มีธุรกิจเพื่อรองรับความต้องการมากเท่าที่ควร
ดังนั้นหากเจ้าของธุรกิจกำลังมองหาโอกาสในการสร้างรายได้ ตลาดสังคมผู้สูงวัยก็น่าสนใจไม่น้อย
โดยขั้นตอนแรกจะต้องเข้าใจเทรนด์ผู้สูงอายุยุคใหม่ก่อน เพื่อทราบถึงความต้องการของคนกลุ่มนี้และนำข้อมูลใหม่ๆ
ที่ได้ไปปรับใช้ให้เป็นประโยชน์กับธุรกิจในอนาคต
อ้างอิง : กรมกิจการผู้สูงอายุ