Yanolja-OYO ยูนิคอร์นดาวรุ่งคู่แข่ง Airbnb

ในแวดวงธุรกิจท่องเที่ยวในห้วงที่ผ่านมามักจะตื่นตาตื่นใจกับการเติบโตของธุรกิจบริการห้องพักของ Airbnb  สตาร์ตอัพระดับโลกสัญชาติอเมริกันที่ออกมา “ดิสทรัปชั่น” ธุรกิจโรงแรมทั่วโลก แต่ในแวดวงธุรกิจนี้มิใช่มี Airbnb เท่านั้นที่เป็นเจ้าตลาด ทว่าในเอเซียยังมีสองสตาร์ทอัพดาวรุ่งทั้ง Yanolja และ OYO ที่พร้อมจะแข่งขันเพื่อก้าวสู่แถวหน้าของธุรกิจจองห้องพักออนไลน์

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

Yanolja บริษัทสตาร์ทอัพเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการบุ๊คกิ้งที่พักออนไลน์ประเภท “เลิฟโฮเทล” โดยแพลตฟอร์ม Yanolja ประสบความสำเร็จมากพอๆ กับแพลตฟอร์มบุคกิ้งโรงแรมและที่พักอื่นๆ อย่าง Airbnb เท่านั้น

เรื่องราวเริ่มต้นตอน “ซู จิน ลี” ผู้ก่อตั้ง Yanolja บริษัทสตาร์ทอัพเกาหลีใต้ ในช่วงอายุ 23 ปี ซึ่งได้เริ่มทำงานในเลิฟโฮเทลแห่งหนึ่ง และจุดประกายการปรับโฉมเลฟโอเทลแบบเดิมๆ สู่เส้นแพลตฟอร์มบุคกิ้งโรงแรมและที่พักออนไลน์

“ธุรกิจเลิฟโฮเทล” ถือว่าได้รับความนิยมอย่างสูงในเกาหลีใต้ โดยเฉพาะในช่วงปลายทศวรรษ 80 จากการที่มีการเปิดเสรีทางเพศมากขึ้น อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นธุรกิจดังกล่าวนี้ก็เริ่มได้รับผลกระทบและซบเซาลง จากภาพลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับกิจกรรมผิดกฎหมายหลายอย่าง เช่น การค้าประเวณี ซึ่งรัฐบาลได้ออกกฎหมายปราบปรามในปี 2004 ทำให้อนาคตของธุรกิจเลิฟโฮเทลไม่สดใสอย่างเคย

ในปี 2007 “ซู จิน ลี” พยายามชุบชีวิตให้กับธุรกิจเลิฟโฮเทลอีกครั้ง โดยได้เริ่มต้นธุรกิจขึ้นจากการก่อตั้งแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจ จากนั้นก็พัฒนาแพลตฟอร์ม Yanolja จนกลายเป็นธุรกิจบุ๊คกิ้งออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ

เขาได้เริ่ม “ปรับปรุงภาพลักษณ์” แก่ผู้ประกอบการเพื่อเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ ได้แก่ คู่รักหนุ่มสาว และนักท่องเที่ยวแบบประหยัดที่มองหาที่พักแบบระยะเวลาสั้น 2-3 วัน โดยเขามองว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ ด้วยวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ที่ชาวโสมขาวจะอาศัยอยู่กับผู้ปกครองจนกว่าจะ “แต่งงาน” จึงทำให้ธุรกิจ “เลิฟโฮเทล” กลายเป็นเหมือนดินแดนสวรรค์สำหรับคู่รักชาวโสมขาวในปัจจุบัน

ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศก็เติบโตอย่างมาก ซึ่งเกาหลีใต้ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักเดินทางทั่วโลก ดังนั้นทั้งสองปัจจัยนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญและทำให้ ซู จิน ลี มองเห็นโอกาสในการฟื้นคืนชีพอุตสาหกรรมนี้

ในปัจจุบันธุรกิจของเขาถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ซึ่งเขาได้ขยายฐานลูกค้าไปยังการบุคกิ้งจองห้องพักของโรงแรม, เกสต์เฮาส์ รวมถึงที่พักภายใต้แบรนด์ของ Yanolja นอกจากนี้ยังมีบริการอื่นๆ เช่น บริการเช่ารถ, ร้านอาหาร และกิจกรรมต่างๆ

ทั้งนี้ บริษัททำรายได้ในแต่ละปีเป็นจำนวนเงินมากกว่า 3,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 70% อีกทั้งยังมีฐานลูกค้าเป็นผู้ประกอบการกิจการที่พักมากกว่า 20,000 แห่งทั่วประเทศ

ขณะเดียวกัน บริษัท Yanolja สามารถระดมทุนจากนักลงทุนรายใหญ่ได้ ทั้งจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติสิงคโปร์ และบริษัทบุ๊คกิ้งส์ โฮลดิ้ง บริษัทสัญชาติอเมริกัน เจ้าของเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง “Booking.com” เป็นจำนวนเงินเกือบ 242 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนีการระดมทุนครั้งล่าสุดเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทถูกประเมินมูลค่าไว้ที่ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นประเทศที่มีบริษัทยูนิคอร์นมากเป็นอันดับ 8 ของโลก

“OYO” สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นแดนโรตี

ขณะที่ “OYO” สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นผู้ให้บริการธุรกิจห้องพักในอินเดีย ซึ่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญของธุรกิจภาคบริการของอินเดีย โดยนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2543 – ธันวาคม 2561ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวในอินเดียในได้ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ แล้วถึง 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงไม่น่าแปลกใจที่ธุรกิจห้องพักของ OYO จะเติบโตอย่างรวดเร็ว

OYO ย่อมาจากคำว่า On Your Own ถือกำเนิดขึ้นจากการตั้งโรงแรม 1 แห่งในอินเดียในปี 2556 จนเติบโตกลายเป็นเครือข่ายธุรกิจห้องพักและโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียที่มีห้องพักกว่า 173,000 ห้อง ปัจจุบัน OYO ดำเนินธุรกิจโดยการขายแบรนด์แบบแฟรนชายส์ และมีอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าในกว่า 500 เมือง ครอบคลุม 10 ประเทศทั่วโลก

ธุรกิจของ OYO คือการจัดสรรห้องพักในโรงแรมในเครือข่ายของ OYO ให้แก่ลูกค้าผ่านระบบออนไลน์ โดยห้องพักภายใต้แบรนด์ OYO จะมีมาตรฐานการให้บริการที่สม่ำเสมอ ราคาประหยัด เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่มีงบประมาณปานกลาง และมี Application ที่ดีในการติดต่อกับลูกค้า ด้วยภาพรวมการให้บริการที่มีมาตรฐานซึ่งเป็นสิ่งที่ยังหาได้ยากในอินเดีย จึงทำให้บริการของ OYO เป็นที่ติดอกติดใจนักท่องเที่ยวผู้รับบริการไปทั่วโลก

OYO เริ่มต้นธุรกิจด้วยการเป็นผู้ประสานงานจัดหาห้องพัก โดยร่วมมือกับโรงแรมที่มีห้องพักคุณภาพดีและให้บริการดี โดยทำสัญญาร่วมกับโรงแรมนั้น ๆ เพื่อให้ OYO สามารถเข้าไปพัฒนาโครงสร้างและคุณภาพของห้องพักให้ได้มาตรฐานและมีดีไซน์สวยงามตามแบบฉบับ OYO ส่วนเจ้าของโรงแรมจะต้องพัฒนาการให้บริการให้ได้มาตรฐานตามแนวทางของ OYO เช่นกัน

โดย OYO จะกำหนดแนวทางการบริการ เครื่องแบบพนักงาน และราคาค่าห้องพักให้เหมาะสมพร้อมทั้งการันตีรายได้ให้แก่เจ้าของโรงแรม โดย OYO จะไม่เข้าถือครองอสังหาริมทรัพย์แต่จะเน้นการลงทุนด้วยการทำการตลาด การปรับปรุงคุณภาพห้องพัก และยกระดับการบริหารจัดการให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานของ OYO

กล่าวโดยสรุปจึงเห็นได้ว่า การเริ่มต้นธุรกิจของ OYO ไม่ได้ใช้เงินลงทุนมากนัก แต่มียุทธศาสตร์สำคัญในการนำโรงแรมที่ไม่มีชื่อเสียงมาพัฒนาคุณภาพให้มีมาตรฐานตามแบรนด์ OYO และใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เชื่อมโยงลูกค้าไปสู่โรงแรมนั้น ๆ

นายRitesh Agarwal ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ OYO เชื่อว่าภายในปี 2566 OYO จะก้าวขึ้นเป็นเครือข่ายโรงแรมขนาดใหญ่ที่สุดของโลก โดยเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ที่ผ่านมา OYO ได้ประกาศการลงทุน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีต่าง ๆ ของ OYO ต่อไป

สำหรับตลาดอินเดีย OYO สามารถสร้างรายได้เกือบ 11,000 ล้านดอลลาร์จากงบประมาณแรกเริ่มจำนวน 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปัจจุบัน OYO ยังได้ร่วมธุรกิจกับบริษัทชั้นนำระดับโลกจำนวนมาก อาทิ Grab, DidiChuxing (ธุรกิจคล้าย Grab ในจีน), Airbnb, Lightspeed India, Sequoia Capita, Greenoaks Capital, Hero Enterprise และ China Lodging Group เป็นต้น

นอกจากนี้ OYO ยังเริ่มเปิดตลาดใหม่ ๆ ในต่างประเทศ อาทิ สหราชอาณาจักร มาเลเซีย เนปาล อินโดนีเซีย จีน ฟิลิปปินส์ ซาอุดิอารเบีย และญี่ปุ่น จนทำให้ OYO ถูกกล่าวขานว่าเป็นเครือธุรกิจห้องพักและ living space ที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในเอเชีย และล่าสุด OYO ก็ได้เริ่มติดต่อสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของไทย (BOI)เพื่อหารือแนวทางในการดำเนินธุรกิจในไทยด้วยแล้ว

ในอีก 5 ปีข้างหน้า OYO วางแผนทุ่มงบประมาณ 950 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อขยายธุรกิจในแถบเอเชีย โดยวางแผนใช้เงิน 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐในจีน (ปัจจุบัน OYO มีห้องพักในจีนกว่า 270,000 ห้อง) และใช้งบประมาณอีก 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐขยายธุรกิจในอินโดนีเซีย อินเดีย และฟิลิปปินส์ต่อไป ทั้งนี้ OYO ยังวางแผนดำเนินธุรกิจบ้านพร้อมอยู่ดีไซน์สวยงามให้แก่กลุ่มลูกค้าชั้นสูงของญี่ปุ่น โดยได้ร่วมทุนกันบริษัท Yahoo ของญี่ปุ่นแล้วเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

เห็นได้ว่า ทั้ง 2 กรณีทั้ง Yanolja และ OYO ผสานการให้บริการท่องพักกับไลฟ์สไตล์คนในปัจจุบัน ทั้งเห็นได้ว่า พื้นที่ของธุรกิจนายหน้าให้บริการห้องพักยังเปิดกว้าง ซึ่งแม้จะมียักษ์ใหญ่อย่าง Airbnb ที่ดูเหมือนจะมีอิทธิพลมากในตลาด ทว่าสตาร์ทอัพของเกาหลีใต้และอินเดียก็พิสูจน์แล้วว่า พื้นที่ยังมีเสมอ อยู่ที่ว่าจะมองหาโอกาสให้เจอ 

แต่ง “ห้องว่าง” รับนักเดินทางจากทั่วโลก 

คนจีนยุคมิลเลนเนียล เทรนด์ที่ธุรกิจต้องรู้