แกะรอย OEM ไทยผลิตเสื้อผ้ากีฬาแบรนด์ดังระดับโลก

เป็นที่รู้กันว่าเสื้อผ้ากีฬาหรือชุดกีฬาที่นักกีฬาหรือคนทั่วไปใส่ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์  adidas, Nike, Under Armour, และ Mizuno ส่วนใหญ่ผลิตโดยบริษัทผลิตเสื้อผ้าของไทย แต่จะมีใครสักกี่คนรู้ว่าใครคือ “ขาใหญ่” ในวงการ ผู้รับจ้างผลิตสินค้า “OEM”เสื้อกีฬาที่ส่งออกไปขายทั่วโลกต้องมีการสร้างแผนธุรกิจ

หากเอ่ยชื่อ “ไนซ์ แอพพาเรล”ในเครือ ไนซ์ กรุ๊ป คนส่วนใหญ่อาจไม่รู้จัก แต่เชื่อหรือไม่ ไนซ์ แอพพาเรล คือ ผู้ผลิตและส่งออกเสื้อผ้ากีฬารายใหญ่สุดของไทย ผู้รับจ้างผลิตสินค้าให้กับลูกค้ารายใหญ่ซึ่งมีแบรนด์ดังระดับโลก  4 แบรนด์ดังระดับโลกตามที่กล่าวมาแล้วยังผลิตให้อีก 1 แบรนด์ซึ่งทำตลาดร้านขายปลีก คือ Foot Locker ที่ในอนาคตเตรียมจะขยายการผลิตเสื้อลำลองสำหรับการเล่นกีฬาอีกด้วย

ไนซ์กรุ๊ป ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2526  ปัจจุบันได้ขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศมีบริษัทในเครือรวม  8 บริษัทด้วยกัน  ตั้งอยู่ในเมืองไทย 6 บริษัทในต่างประเทศมี 2 บริษัทประกอบด้วยบริษัท เอ็นอี แอพพาเรล จำกัด อยู่ที่เมืองชิงเต่า สาธารณะรัฐประชาชนจีนและ  บริษัท เค เค เอ็น แอพพาเรล จำกัด ที่จังหวัดเกาะกง  ประเทศกัมพูชา

ทำไมบริษัท ไนซ์ กรุ๊ปจึงประสบความสำเร็จจนเป็นเจ้าพ่อ OEM ด้านเสื้อผ้ากีฬา ซึ่งไม่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะเป็นยังไงก็ตาม ออเดอร์มีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกปีเฉลี่ยปีละ15%  เรียกว่าเป็นเบอร์ 1 ผู้ผลิตเสื้อผ้ากีฬาเลยทีเดียว การส่งออกเสื้อกีฬาในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 14-15% เป็นผลจากประเทศผู้นำเข้าจากยุโรป สหรัฐ เอเชีย ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัทยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนต้องเร่งแผนธุรกิจเครื่องโรงงานกัมพูชาเพิ่มการผลิตเสื้อกีฬาเป็น 17 ล้านตัวต่อปีอีกทั้งบริษัทจะผลิตเสื้อกีฬาครอบคลุมทุกเซ็กเมนท์

เคล็ดลับข้อที่ 1 “ความได้เปรียบด้านต้นทุน” เพราะผู้ว่าจ้างเป็นเจ้าของแบรนด์ระดับโลกมีอำนาจต่อรองสูงมาก ดังนั้นหากผู้รับจ้างผลิตทำ“ต้นทุนต่ำ”ได้ ก็จะได้เปรียบมีโอกาสที่เจ้าของแบรนด์จะเลือกให้เป็นผู้ผลิตให้ จึงไม่แปลกใจที่ ไนซ์ กรุ๊ปจะพยายามขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อย่างจีน เวียดนาม โดยเฉพาะการย้ายฐานการผลิตกัมพูชา ในช่วงที่ประเทศไทยมีการปรับค่าแรงเพิ่มเป็น 300 บาท เพื่ออาศัยความได้เปรียบ ที่ค่าแรงในกัมพูชาต่ำกว่าไทยมาก

แถมที่ผ่านมากัมพูชายังได้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีหรือ GSP สำหรับสินค้าที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรปและสหรัฐ  ดังนั้นการย้ายฐานการผลิตไปตั้งโรงงานในประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะที่กัมพูชาถือว่าเป็นทางเลือกในการรักษาฐานลูกค้าเอาไว้อีกทางหนึ่งขณะนี้ฝีมือแรงงานกัมพูชามีคุณภาพทัดเทียมแรงงานของไทย

แต่สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากที่สุดคือระบบการผลิต  เพราะถือเป็นหัวใจหลักของการวางระบบโรงงานทั้งหมด   เริ่มแรกมีการวางโครงสร้างการบริหารจัดการเหมือนที่เมืองไทย  พร้อมกับนำระบบไอทีมาใช้เพื่อการสื่อสารไปยังโรงงานต่าง ๆ อย่างทั่วถึง

ดังนั้นในเรื่องคุณภาพไม่มีปัญหา ไนซ์กรุ๊ปได้นำระบบการผลิตที่ถือว่าเป็นจุดแข็งของบริษัทที่ได้พัฒนาต่อเนื่องมายาวนานจนเป็นที่ยอมรับของคู่ค้ารายสำคัญมาใช้ในโรงงานที่กัมพูชาอย่างเต็มระบบ

การผลิตภัณฑ์จากบริษัท  เค เค เอ็น แอพพาเรล จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา  จึงเป็นรูปแบบเดียวกับที่ผลิตในเมืองไทย คือ เน้นเสื้อกีฬาเป็นหลัก  เป็นการผลิตให้กับเจ้าของแบรนด์เนมชื่อดังทั้ง 4 แบรนด์ซึ่ง โรงงานที่กัมพูชาใช้เทคโนโลยีการผลิตตลอดจนรูปแบบการบริหารงานแบบเดียวกับเมืองไทย  สามารถผลิตได้คุณภาพจนเป็นที่ยอมรับของคู่ค้า

เคล็ดลับข้อที่ 3 “ผลิตครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์” ในการทำตลาดเสื้อกีฬาของบริษัทไนต์ กรุ๊ป เน้นการผลิตเสื้อผ้ากีฬาแต่จะครอบคลุมทุกกิจกรรม เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล กีฬาวิ่ง กอล์ฟ เทนนิส เป็นต้น โดยผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่จะเป็นการรับจ้างผลิตให้ลูกค้า ซึ่งเป็นบริษัทเสื้อผ้ากีฬาชั้นนำของโลก เช่น adidas, Nike,  เป็นต้น

นอกจากนี้ในอนาคตบริษัทมีแผนจะขยายการผลิตเสื้อลำลองสำหรับการเล่นกีฬาด้วยโดยจะหารือกับผู้ค้าในต่างประเทศ เพื่อวางแผนการผลิตระยะ 3-5 ปี เพื่อให้รองรับกับความต้องการและกิจกรรมทางกีฬาทุกประเภทที่จะเกิดขึ้นในแต่ละปี รวมไปถึงกิจกรรมการกีฬาสำคัญๆระดับโลก ปัจจุบันเน้นส่งออกเป็นหลัก 99% ขายภายประเทศ 1% เท่านั้นโดยตลาดส่งออกหลักยังเป็นตลาดสหรัฐ สัดส่วน 43-44% สหภาพยุโรป สัดส่วน 36% ส่วนที่เหลือจะส่งออกไปประเทศอื่นในเอเชีย

เคล็ดลับข้อที่ 4 “ให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้า” ที่มีคุณภาพและเพิ่มมูลค่า โดยการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันนำเทคโนโลยี นวัตกรรมเข้ามาปรับใช้ในการผลิต การศึกษาข้อมูลของคู่ค้า ผู้บริโภค และศึกษาวิจัยเพื่อผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเข้าสู่ตลาด