การพิสูจน์ตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์สำคัญต่อธุรกิจอย่างไร
การทำความรู้จักลูกค้าด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(Electronic Know
Your Customer : e-KYC) อาจไม่ใช่เรื่องใหม่นัก
เพราะปัจจุบันมีการนำมาใช้ในแวดวงธุรกิจมากมาย ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้ในการระบุตัวตน
และพิสูจน์ตัวตน (Verification) แทนการทำความรู้จักลูกค้าในระบบเดิมหรือแบบพบเห็นลูกค้าต่อหน้า
(Know Your Customer : KYC) ที่มีขั้นตอนยุ่งยาก e-KYC จึงเป็นแนวทางที่ถูกนำมาใช้เพื่อลดความยุ่งยาก ของขั้นตอนการทำความรู้จักลูกค้า
ซึ่งมักใช้กับหน่วยงานรัฐ สถาบันการเงิน ตลอดจนธุรกิจด้านบริการต่างๆ ที่ต้องการรวบรวมและประเมินข้อมูลต่างๆ ของลูกค้า ก่อนที่สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจจะให้บริการ ซึ่งจะต้องรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้รู้ว่าลูกค้าเป็นใคร โดยผ่านกระบวนการระบุตัวตนที่ต้องมีข้อมูลและเอกสารแสดงตนของลูกค้าที่เพียงพอ และกระบวนการพิสูจน์ตัวตนที่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของหลักฐานแสดงตนของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิผล โดยตัวอย่างเครื่องมือในการสร้างตัวตนและการยืนยันตัวตนในระบบดิจิทัล (Digital) ของประเทศต่างๆ อาทิ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
สิงคโปร์ : มีแนวคิดในการผลักดันการพิสูจน์และยืนยันตัวตนให้เข้าสู่รูปแบบดิจิทัล
โดยพัฒนาระบบ MyInfo ซึ่งเป็นระบบที่สามารถแบ่งปันข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
ทำให้ประชาชนที่ต้องใช้บริการ ไม่ต้องกรอกข้อมูลซ้ำ
ช่วยลดความผิดพลาดในการกรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์ม และไม่ต้องยื่นหลักฐานจริง
แต่ใช้การแบ่งปันข้อมูลจากฐานข้อมูลกลางแทน ข้อมูลในฐานข้อมูลระบบ MyInfo ได้แก่ ข้อมูล ส่วนบุคคลต่างๆ เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขที่บัตรประชาชน
เบอร์โทรศัพท์มือถือ อีเมล (e-mail) ที่อยู่ ข้อมูลรายได้ ข้อมูลการศึกษาและการทำงาน
ข้อมูลครอบครัว ไปจนถึงการครอบครองยานพาหนะ ปัจจุบันมีหน่วยงานภาครัฐจำนวนมากเชื่อมต่อกับ
MyInfo เช่น การสมัคร Public Housing Flats หรือ Baby Bonus Scheme และยังมีธนาคารหลายแห่งให้ลูกค้าใช้ข้อมูลจาก
MyInfo เปิดบัญชีธนาคาร โดยไม่ต้องกรอกแบบฟอร์มหรือแสดงหลักฐาน
อังกฤษ : ได้พัฒนาระบบการพิสูจน์ตัวตนที่ช่วยลดความซ้ำซ้อน
และสร้างความรวดเร็วในการใช้บริการในรูปแบบออนไลน์ โดยการให้หน่วยงาน Government
Digital Service จัดทำระบบการพิสูจน์ตัวตนที่มีชื่อว่า GOV.UK.
Verify เมื่อมีผู้ต้องการใช้บริการภาครัฐทางออนไลน์ บุคคลผู้นั้นต้องไปพิสูจน์ตัวตนและสร้างตัวตนดิจิทัลกับผู้ให้บริการยืนยันตัวตน
หรือ Identity Providers ที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐก่อน
โดยกระบวนการพิสูจน์ตัวตนจะใช้เวลา 5-15 นาทีเท่านั้น หลังจากนั้นผู้ใช้บริการก็จะสามารถใช้ตัวตนดิจิทัลเข้าใช้บริการภาครัฐในครั้งต่อๆ
ไปโดยไม่ต้องพิสูจน์ตัวตนอีก ซึ่งถูกนำไปใช้ในหลายด้าน เช่น การตรวจสอบภาษีเงินได้
การตรวจสอบสวัสดิการของรัฐ ข้อมูล
ไทย : ได้พัฒนาระบบที่ใช้ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์
คือ ระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล หรือระบบ Digital ID โดยระบบ Digital ID เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่เชื่อมต่อการยืนยันตัวตนจากทุกภาคส่วน
มีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการพัฒนาระบบดังกล่าว
ระบบ Digital ID จะรองรับการยืนยันตัวตนของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
ในการรับบริการต่าง ๆ ของรัฐและเอกชน โดยอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น
กรมการปกครอง
ระบบ Digital
ID ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ช่วยอำนวยความสะดวกในยุคดิจิทัลและประเทศไทย
4.0 มีความรวดเร็วมั่นคง ปลอดภัย
และมีความน่าเชื่อถือในระดับสากล เนื่องจากมีการกำหนดมาตรฐานในการยืนยันตัวตน
โดยอ้างอิงมาตรฐานจากต่างประเทศ คือ Digital Identity Guidelines ของ National Institution of Standards and Technology (NIST) ของสหรัฐอเมริกา
โดยระบบ Digital ID จะช่วยให้การทำ e-KYC ของผู้ประกอบธุรกิจง่ายยิ่งขึ้น
โดยผู้ประกอบธุรกิจสามารถพัฒนาระบบของตนเองแล้วเชื่อมโยงกับระบบ Digital ID
เพื่อใช้บริการได้ โดยมีค่าใช้จ่ายตามที่กำหนด
ล่าสุดเพื่อนบ้าน สปป.ลาว : ก็นำระบบ e-KYC มาใช้แล้วเช่นกัน โดยธนาคารพัฒนาลาว และบริษัท SB
Lab 856 จำกัด ได้ร่วมลงนาม MOU ว่าด้วยความร่วมมือในการใช้ระบบพิสูจน์ตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์
(Electronic know Your Customer : e-KYC) โดยใช้ระบบพิสูจน์ตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ในการทำธุรกรรม
เช่น การเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์ การเปิดบัญชีกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet)
การสมัครสินเชื่อหรือการปล่อยเงินกู้ออนไลน์
การซื้อสินค้าหรือการบริการออนไลน์ที่ต้องรับรองและพิสูจน์ตัวตน ระบบดังกล่าวจะใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชั่น
LDB Trust หรือ LDB Wallet ของธนาคารพัฒนาลาว
ผู้ใช้บริการที่ได้ลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ผ่านระบบ Lao KYC ของกระทรวงไปรษณีย์ฯ แล้ว ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนใช้งานและพิสูจน์ตัวตนอีกครั้ง
นอกจากนี้กระทรวงไปรษณีย์ฯ
ยังได้ร่วมกับบริษัท SB Lab 856
พัฒนาขีดความสามารถของระบบ Lao KYC ในการติดตามประวัติการเคลื่อนไหวของบุคคล
เพื่อป้องกันและควบคุมการระบาดของโรค COVID-19
ให้แก่กระทรวงสาธารณสุข สปป. ลาวอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าระบบ e-KYC จะเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการให้บริการที่ส่งผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวม
แต่ระบบดังกล่าวโดยปกติจะมีความเสี่ยงสูงมากกว่าการทำความรู้จักแบบพบหน้า และยังถือว่าอยู่ในระยะเริ่มต้น
และเทคโนโลยียังมีการพัฒนาไปไกลอีกมาก อย่างไรก็ตามประเทศไทยมี
พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (Personal Data Protection Act :
PDPA) ซึ่งการได้มาและเข้าถึงข้อมูลจำต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าของข้อมูล
ดังนั้นสำหรับผู้ประกอบการที่ให้ความสนใจในระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนให้เข้าสู่รูปแบบดิจิทัล
ที่อาจนำมาปรับใช้ในธุรกิจอาจจะต้องใส่ใจประเด็นเรื่องข้อกฎหมายด้วย
เพื่อไม่ใช้เกิดผลในด้านลบภายหลัง
แหล่งที่มา : https://library2.parliament.go.th/
: สถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์