“ลู่วิ่งใต้น้ำเพื่อสัตว์เลี้ยง” นวัตกรรมฝีมือสัตวแพทย์ไทยที่ไปไกลถึง SEA
ปัจจุบัน สัตว์เลี้ยงไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเพียงแค่ “สัตว์” แต่เป็นเหมือน “สมาชิกในครอบครัว” จึงไม่น่าแปลกใจที่ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพและคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากแนวโน้ม Pet Humanization และการยอมจ่ายเพื่อการดูแลเชิงป้องกันมากขึ้น
“บริษัท เพ็ททาเนียร์ จำกัด” คือหนึ่งใน SMEs ไทยที่มองเห็นโอกาสนี้ และนำความเชี่ยวชาญทางสัตวแพทย์มาผสานกับวิศวกรรมชีวการแพทย์ เพื่อสร้างนวัตกรรมสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น แต่ยังมุ่งปรับเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องการดูแลสัตว์ในระยะยาวอีกด้วย
ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนวัตกรรมดังกล่าว คือ สพ.ญ.วรางคณา พันธุ์วาณิช (หมออ้น) สัตวแพทย์ผู้มีประสบการณ์ในโรงพยาบาลสัตว์ และต่อยอดองค์ความรู้ด้วยการเรียนวิศวกรรมชีวการแพทย์ ความเข้าใจทั้งด้านสุขภาพสัตว์และการออกแบบเทคโนโลยีนี้เองที่ทำให้หมออ้นมองเห็นถึง Pain Point สำคัญ นั่นคือ อุปกรณ์ช่วยเหลือสัตว์พิการยังมีไม่เพียงพอ อีกทั้งส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าที่มีราคาสูงเกินเอื้อมสำหรับเจ้าของทั่วไปและยังขาดความยืดหยุ่น (Flexible) ในการปรับให้เหมาะกับสรีระและพฤติกรรมที่แตกต่างของสัตว์เลี้ยงแต่ละตัว
นวัตกรรมคนไทยที่เปลี่ยนชีวิตสัตว์เลี้ยง และเปิดมุมมองใหม่ของการดูแล
“เราเริ่มจากโจทย์ง่าย ๆ แต่จริงจัง คือทำยังไงให้สัตว์พิการมีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงเดิมที่สุด”
เพ็ททาเนียร์เริ่มต้นจากการพัฒนาวีลแชร์และขาเทียมสำหรับสุนัขและแมว เพื่อช่วยให้สัตว์กลับมาเคลื่อนไหวได้ใกล้เคียงปกติและฟื้นฟูสุขภาพกายใจ เมื่อผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพ หมออ้นจึงพาธุรกิจก้าวสู่ระดับที่ใหญ่ขึ้นด้วยการพัฒนานวัตกรรม “ลู่วิ่งใต้น้ำ” (Underwater Treadmill)
ลู่วิ่งใต้น้ำของเพ็ททาเนียร์ได้รับการออกแบบเพื่อฟื้นฟูและป้องกันปัญหาข้อเสื่อมในสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ด้วยการใช้แรงพยุงของน้ำเพื่อลดแรงกระแทก เหมาะสำหรับสัตว์สูงอายุหรือมีปัญหาข้อ รวมถึงสัตว์ที่ต้องการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ป้องกันปัญหาข้อเสื่อมที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อมีอายุมากขึ้น ซึ่งในการออกแบบนวัตกรรมนี้ หมออ้นได้ยึดหลัก User-Centric Design คือ เน้นการใช้งานง่ายทั้งสำหรับสัตว์ เจ้าของ และสัตวแพทย์ ที่สำคัญ ต้องทำความสะอาดง่ายและสามารถปรับฟังก์ชันได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน
“เราไม่เพียงแค่ทำเครื่องมือให้ใช้งานได้อย่างเดียว แต่ต้องมั่นใจด้วยว่าหมอใช้แล้วทำงานง่ายขึ้น เจ้าของดูแลสะดวก และตัวสัตว์เองก็รู้สึกสบายใจ” หมออ้นกล่าว
3 กลยุทธ์หลักที่ช่วยขับเคลื่อนเพ็ททาเนียร์ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
แม้ตลาดอุปกรณ์กายภาพบำบัดสัตว์เลี้ยงจะเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ที่มีข้อจำกัดด้านขนาดของตลาด แต่หมออ้นกลับมองเห็นโอกาสและวางแผนเติบโตในระยะยาวด้วย 4 แนวทางสำคัญ ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยง เพิ่มฐานลูกค้า และขยายขอบเขตการทำธุรกิจ ดังนี้
1. สร้างระบบการทำงานที่แข็งแรงด้วย Organization Ecosystem และ Design Thinking
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เพ็ททาเนียร์เติบโตได้อย่างมั่นคง คือ การสร้างระบบนิเวศภายในองค์กรที่แต่ละฝ่ายสามารถซัปพอร์ตกันได้อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นสัตวแพทย์ที่รู้โจทย์จริงจากหน้างาน วิศวกรที่เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเครื่องมือ และนวัตกรที่มองหาวิธีใหม่ ๆ ในการแก้ไขปัญหา ทั้งหมดถูกเชื่อมด้วยหลักการ “Design Thinking” ได้แก่ การคิด การทดลอง และการปรับแก้ได้ทันที ทำให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์เดินหน้าอย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์การใช้งานจริง และไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกนาน
2. ก้าวสู่ตลาดต่างประเทศ พร้อมส่งต่อองค์ความรู้ควบคู่กับสินค้า
เพ็ททาเนียร์เริ่มขยายการจำหน่ายสินค้าไปยัง 6-7 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) โดยไม่ได้ส่งออกเพียงตัวเครื่องเท่านั้น แต่ยังส่งต่อ “องค์ความรู้และวิธีการใช้งาน” เพื่อให้คู่ค้าสามารถให้บริการได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ
3. เปิดศูนย์บริการเพื่อสร้างการรับรู้และเป็นต้นแบบการดูแลสัตว์
“เราอยากให้คนเห็นว่า การดูแลเชิงป้องกันสำคัญพอ ๆ กับการรักษาเมื่อสัตว์ป่วย”
ด้วยจุดประสงค์ดังกล่าวของหมออ้น เพ็ททาเนียร์จึงเปิดศูนย์ “เพ็ททาเรียม” ศูนย์นวัตกรรมดูแลและฟื้นฟูสุขภาพสัตว์เลี้ยงด้วยการกายภาพบำบัดร่วมกับการแพทย์ทางเลือก ที่รวมการสาธิต การให้คำปรึกษา และการดูแลเชิงป้องกันไว้อย่างครบครัน เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถนำสัตว์เลี้ยงมาประเมินสุขภาพ ทดลองใช้อุปกรณ์ และรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ โดยจะมีบริการเสริมทางเลือกอื่น ๆ เช่น การฝังเข็ม การใช้อาหารบำบัด และการฟื้นฟูเฉพาะกรณี ซึ่งนอกจากจะสร้างการรับรู้แล้ว ยังเป็นโมเดลธุรกิจที่สามารถขยายสาขาได้ในอนาคต
4. ต่อยอดสู่ตลาดคนด้วยเทคโนโลยีเดียวกัน
ความสำเร็จของลู่วิ่งใต้น้ำในสัตว์เลี้ยง ทำให้หมออ้นมองเห็นศักยภาพของตลาดคน จึงก่อตั้งบริษัท Aqua Trek Solution ขึ้นมา เพื่อพัฒนาและจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับการกายภาพบำบัดและการออกกำลังกายใต้น้ำสำหรับมนุษย์ โดยต่อยอดจากองค์ความรู้ที่มีอยู่เดิม แล้วปรับเทคโนโลยีให้เหมาะกับการใช้งานของคน เพื่อเปิดโอกาสสู่กลุ่มลูกค้าใหม่
จุดแข็งของเพ็ททาเนียร์ “นวัตกรรมที่ดีต้องเข้าถึงได้”
หมออ้นดำเนินธุรกิจเพ็ททาเนียร์โดยยึดหลัก Accessible Innovation หรือการลดต้นทุนการผลิตให้ผู้ใช้เข้าถึงได้กว้างขึ้น และยังเปิดโอกาสให้พันธมิตรทางธุรกิจนำเครื่องไปต่อยอด เช่น ศูนย์ฟื้นฟูหรือโรงพยาบาลสัตว์เอกชน นอกจากนี้ จุดแข็งอีกด้านคือการเลือกวัสดุในการผลิตโดยเลือกใช้สเตนเลสคุณภาพทางการแพทย์ (Medical Grade) ร่วมกับฝีมือแรงงานไทย ทำให้สินค้าแข็งแรง ใช้งานได้นาน และแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้
“ถ้านวัตกรรมดีแต่ราคาแพงจนคนใช้ไม่ได้ มันก็ไม่เกิด Impact… เราอยากให้นวัตกรรมของเราถึงมือคนและสัตว์ให้ได้มากที่สุด”
แนวโน้มตลาดสัตว์เลี้ยงและโอกาสธุรกิจ
ตลาดสัตว์เลี้ยงไทยในปัจจุบันมีการขยายตัวต่อเนื่อง โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากหลายปัจจัยทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และพฤติกรรมผู้บริโภค ดังนี้
Pet Humanization — สัตว์เลี้ยงคือสมาชิกในครอบครัว
เจ้าของสัตว์เลี้ยงจำนวนมากมองสุนัขหรือแมวเป็นเหมือน “คนในครอบครัว” ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายต่อตัวสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารคุณภาพสูง ผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ หรือบริการด้าน Wellness และกายภาพบำบัด แนวโน้มนี้ยังได้รับแรงหนุนจากโครงสร้างครอบครัวที่เปลี่ยนไป เช่น คู่รักที่ไม่มีบุตร หรือผู้สูงอายุที่ต้องการเพื่อนอยู่เคียงข้าง
การดูแลเชิงป้องกันกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในการดูแลสัตว์เลี้ยง
จากเดิมที่เจ้าของมักพาสัตว์เลี้ยงมาพบสัตวแพทย์เมื่อมีอาการป่วย แต่ปัจจุบันแนวคิด “ป้องกันดีกว่ารักษา” กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ เพื่อให้สัตว์เลี้ยงที่รักมีสุขภาพชีวิตที่ดี มีอายุยืนขึ้น เช่น การตรวจสุขภาพประจำปีหรือทุก 6 เดือน การทำความสะอาดช่องปาก การฝังเข็ม และการทำกายภาพบำบัดเพื่อชะลอการเสื่อมของข้อต่อและกล้ามเนื้อ ซึ่งสะท้อนพฤติกรรมเดียวกับการดูแลสุขภาพของคน
ความต้องการอุปกรณ์และบริการ Wellness ที่ครบครัน
เจ้าของสัตว์เลี้ยงเริ่มมองหาบริการที่ผสมผสานการฟื้นฟูร่างกาย การออกกำลังกาย และการบำบัดด้วยวิธีทางเลือกเข้าด้วยกัน เช่น วารีบำบัด การใช้สมุนไพร หรืออาหารบำบัด ซึ่งเปิดโอกาสให้เพ็ททาเนียร์สามารถต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการให้ครอบคลุมมากขึ้น
แผนต่อไปของบริษัทจึงมุ่งทำให้ “ลู่วิ่งใต้น้ำ” ไม่จำกัดอยู่แค่ในโรงพยาบาลสัตว์หรือศูนย์กายภาพบำบัดเท่านั้น แต่สามารถติดตั้งและใช้งานได้ที่บ้าน เป็นอีกหนึ่งเฟอร์นิเจอร์ขนาดกะทัดรัด ดีไซน์สวย ใช้ออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องสร้างสระว่ายน้ำหรืออุปกรณ์ขนาดใหญ่ เหมาะทั้งสำหรับสุนัขสูงอายุที่ต้องการดูแลข้อและกล้ามเนื้อ รวมถึงสุนัขทั่วไปที่ต้องการออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรง
นอกจากการต่อยอดลู่วิ่งใต้น้ำให้เข้าถึงการใช้งานในบ้านแล้ว เพ็ททาเนียร์ยังมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ปลอกคออัจฉริยะ (Smart Collar) เพื่อเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มสินค้า และยังคงเดินหน้าขยายสู่ตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและสร้างโอกาสเติบโตในวงกว้าง
“ตลาดสัตว์เลี้ยงกำลังเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกับตลาดคน
ทุกอย่างที่คนทำเพื่อสุขภาพได้ สัตว์เลี้ยงก็ควรได้รับเช่นกัน”
เพ็ททาเนียร์คือตัวอย่างของ SMEs ไทยที่ใช้ความรู้ข้ามศาสตร์ระหว่างสัตวแพทย์และวิศวกรรมชีวการแพทย์ มองปัญหาจากหน้างานจริง แล้วพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งสัตว์เลี้ยง เจ้าของ และสัตวแพทย์ได้อย่างครบถ้วน โดยจุดเด่นของธุรกิจไม่ใช่แค่การผลิตอุปกรณ์กายภาพบำบัดและฟื้นฟูอย่างวีลแชร์ ขาเทียม และลู่วิ่งใต้น้ำเท่านั้น แต่คือการทำให้นวัตกรรมเหล่านี้ “เข้าถึงได้” ทั้งในด้านราคาและการใช้งาน ซึ่งเพ็ททาเนียร์พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านวัตกรรมฝีมือคนไทยมีศักยภาพในการแข่งขันสูงและสามารถสร้าง Impact ได้อย่างแท้จริง