‘อินโนเฟรช’ ชูแนวคิด ‘Yes We can’ ครองใจลูกค้า ด้วยกลยุทธ์ Customize ธุรกิจผลิตอาหารได้ตามใจสั่ง

จากแนวคิดผลิตสินค้าเพื่อต่อยอดธุรกิจครอบครัว จนวันนี้ ‘อินโนเฟรช’ กลายเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตอาหารเบอร์ต้นของประเทศ อาทิ ซอส, น้ำจิ้มท็อปปิ้ง, พริกแกง, สินค้าพร้อมปรุง, ผงปรุงรส, น้ำสลัด, มายองเนส และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อ Supply ไปยังอุตสาหกรรมและธุรกิจอาหาร ทั้งรายใหญ่และรายเล็กทั่วประเทศ

ดร.ศิริพร พิพัฒสัตยานุวงศ์ ฉั่ว กรรมการบริษัท อินโนเฟรช จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตอาหารตามโจทย์ลูกค้า กล่าวว่า เนื่องด้วยตนเองได้เรียนด้านจบด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร (Food Science) ประกอบกับมีแนวคิดต้องการที่จะต่อยอดธุรกิจฟาร์มไข่ไก่ของครอบครัว จึงได้พัฒนาสินค้าเป็นกลุ่มแรก คือ ‘มายองเนส’ ขึ้นในปี 2546 เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคคนไทยในตลาด

ต่อมาเมื่อได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานและความเชี่ยวชาญในการพัฒนาสูตรอาหารให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้น จึงได้แตกไลน์ธุรกิจไปสู่การรับผลิตในลักษณะ Customize ตามโจทย์ลูกค้าแต่ละรายให้มีความเฉพาะตัว ในรูปแบบธุรกิจ B2B โดยมีสินค้าที่ได้รับความนิยมจากผู้ประกอบการ เช่น มายองเนส, น้ำสลัด, น้ำจิ้ม, ซอสเทริยากิ, ซอสหวาน / ท็อปปิ้ง, ผงปรุงรส, พริกแกง, อาหารพร้อมทาน, อาหารแช่แข็ง, และผักแช่แข็ง และอาหารประเภทอื่นๆ ตามความต้องการของลูกค้า เป็นต้น 

ขณะที่กลุ่มลูกค้าหลัก คือ..

1. กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมอาหารที่ส่งต่อไปยังธุรกิจผลิตเบเกอรี ธุรกิจผลิตอาหาร และธุรกิจร้านอาหาร

2. ร้านอาหาร Fast Food หรือ QSR (Quick Service Restaurant)

3. รับผลิตแบบ OEM ภายใต้แบรนด์ของลูกค้าตั้งแต่รายใหญ่ไปจนถึงผู้ประกอบการและ SME 

ดร.ศิริพร กล่าวต่อว่า เนื่องจากตนเองมีพื้นฐานและประสบการจากการเรียนด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร บวกกับประสบการณ์ทำงานในสายงานอุตสาหกรรมนี้มาอย่างยาวนาน ตลอดจนมีทีมบุคคลากรที่มีความความเชี่ยวชาญด้าน R&D (Research & Development) ที่พร้อมจะพัฒนาสูตรอาหารให้สอดคล้องตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างไม่หยุดยั้ง

 

โดยการคิดค้นหรือรับโจทย์จากลูกค้าในการพัฒนาสูตรอาหาร จะมีการส่งตัวอย่างให้ลูกค้าทดลองชิมเพื่อความมั่นใจก่อนถึงผู้บริโภคปลายทางทุกครั้ง จากนั้นจึงจะดำเนินการก่อนผลิตในเชิงพาณิชย์ จึงทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานของบริษัท ซึ่งนับเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งจนถึงปัจจุบัน

ด้วยพันธกิจที่มาพร้อมกับความมุ่งมั่นสุดท้าทายที่ว่า ‘ไม่ปฏิเสธลูกค้า’ จึงเป็นที่มาของ สโลแกน ‘Yes We Can’ ที่พนักงานทุกคนมีวิสัยทัศน์และมีเป้าหมายร่วมกันกับองค์กร แม้เป็นโจทย์ที่ยากและมีความท้าทายแต่ทุกคนก็พร้อมที่จะสร้างสรรค์และพัฒนาสินค้า และกล้าทำในสิ่งใหม่ให้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมทั้งมีจุดเด่นที่แตกต่างทำให้บริษัทสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้..

1. Flexible บริษัทมีทีมบุคลากรและกระบวนการผลิตที่สามารถยืดหยุ่นและพัฒนาสินค้าให้กับลูกค้าได้โดยเฉพาะ ภายใต้มาตรฐานและคุณภาพสูง อีกทั้งยังปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตได้อย่างคล่องตัว

2. Fast ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาสินค้ามาอย่างยาวนาน บวกกับความเชี่ยวชาญด้าน R&D พร้อมทั้งมีทีมงานฝ่ายบรรจุภัณฑ์ที่ประสานงานและซับพอร์ตกัน จึงทำให้สามารถผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

3. FAIR บริษัทยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจและผลิตสินค้าภายใต้ราคาที่มีความยุติธรรม โดยตระหนักถึงการพัฒนาสินค้าให้ลูกค้าสามารถแข่งขันในตลาดและทำกำไรได้อย่างเหมาะสม

นอกจากนี้บริษัท ยังได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องที่โดยการเพิ่มเรื่องของความพึงพอใจของลูกค้าและพนักงาน เรื่องธรรมาภิบาล และเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชน เข้ามาเป็น Core Values ของบริษัท เพื่อการก้าวสู่สโลแกนใหม่คือ ‘Yes We Care’ 

เรื่องนี้ ดร.ศิริพร เผยว่า ด้วยบริษัทสามารถดำเนินการผลิตสินค้าให้กับลูกค้าได้โดยมีความยืดหยุ่น เนื่องจากบริษัทมีองค์ประกอบของการสร้างแบรนด์และผลิตสินค้าอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นสูตรสินค้าที่มีทีม R&D มีความเชี่ยวชาญและพร้อมคิดค้นสูตรอาหารสานต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง เช่น หากในกรณีที่ลูกค้ายังไม่มีสูตรแต่มีแนวคิดบริษัทยังสามารถพัฒนาต่อยอดให้ได้ เป็นต้น

ประกอบกับ ยังมีไลน์การผลิตที่สามารถรองรับการปรับเปลี่ยนการผลิตในรูปแบบใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีทีมช่างเทคนิคและวิศวกรที่เชี่ยวชาญพร้อมพัฒนาระบบเครื่องจักร เพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ ซึ่งที่ผ่านมาสามารถปรับเปลี่ยนและประยุกต์ไลน์การผลิตให้ผลิตสินค้าเชิงพาณิชย์ได้มากกว่า 1 รายการ 

นอกจากนี้ ยังสามารถผลิตสินค้าในแต่ละขนาดได้ตามความต้องการของลูกค้าทุกหมวดบรรจุภัณฑ์  อาทิ บรรจุภัณฑ์แบบหลอด บรรจุภัณฑ์แบบกล่อง และบรรจุภัณฑ์แบบขวด ด้วยความเข้าใจในแต่ละบริบทของการใช้งานเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการผลิตให้กับลูกค้ารายใหญ่ในตลาด ลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการและ SME หรือแม้แต่ลูกค้ารายเล็กรายน้อยที่กำลังเริ่มอยากทำธุรกิจ บริษัทก็สามารถพัฒนาสินค้าให้สอดรับกับความต้องการได้อย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันบริษัทดำเนินการผลิตสินค้า House Brand ให้กับห้างสรรพสินค้า แบรนด์ร้านสะดวกซื้อ และซูเปอร์มาเก็ตชั้นนำหลายราย ซึ่งเป็นการการันตีว่าบริษัทผลิตสินค้าดีมีมาตรฐานจนได้รับความไว้วางใจให้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับกลุ่มธุรกิจเหล่านี้ด้วยดีเสมอมา ขณะเดียวกันยังมีการผลิตสินค้า OEM ให้กับลูกค้าในต่างประเทศ แบบ Mass Production ซึ่งเป็นการยืนยันถึงคุณภาพและมาตรฐานการผลิตของบริษัทได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ยังมีสินค้าที่บริษัทผลิตและจัดจำหน่ายเองภายใต้แบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย เช่น แบรนด์ โอ เฟรช, เฟรดดี้, พิกซี่, บีเฟรช และโอ้ซี๊ด เป็นต้น เพื่อรองรับกับความต้องการของกลุ่มธุรกิจเบเกอรี ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายแบบ Traditional Trade โดยไม่มีการนำสินค้าไปทับซ้อนหรือแข่งขันกันเองกับลูกค้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นจริยธรรมทางธุรกิจที่บริษัทให้ความสำคัญ และเป็นการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้ามาอย่างยาวนาน

เรื่องนี้ ดร.ศิริพร ให้ความเห็นว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการหรือในธุรกิจอาหารที่เป็นลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภคปลายทางเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้แม้จะมีกระแสเรื่องการทานอาหารเพื่อสุขภาพ แต่ขณะเดียวกันยังมีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่ยังคงให้ความสำคัญและเลือกที่จะรับประทานอาหารที่ตอบโจทย์เรื่องรสชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรสชาติที่คนไทยมีความคุ้นเคยมาอย่างยาวนาน อาทิ อาหารรสจัด และเผ็ดร้อน ดั้งนั้น ส่วนใหญ่จึงมุ่งเน้นไปที่การผลิตอารหารประเภทเหล่านี้ที่ยังคงมี Volume ในตลาดสูง

ส่วนมุมมองเกี่ยวกับ Product Life Cycle ตนเองมองว่า ในยุคนี้พฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่ยึดติดกับอาหารรสชาติซ้ำเดิม หากผู้ประกอบการประกอบการในธุรกิจอาหารไม่ปรับตัวให้สอดรับกับฤติกรรมของผู้บริโภคอาจทำให้ธุรกิจแข่งขันในตลาดได้ยาก ดังนั้นจึงต้องมีการนำกลยุทธ์ต่างๆ มาปรับใช้ให้สอดรับกับเทนด์ปัจจุบัน เช่น การแต่งเติมกลิ่นหรือปรับรสชาติของอาหารจากสูตรดั้งเดิม และจัดโปรโมชั่นใหม่ตามความเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลาก็จะสามารถแข่งขันได้ในระยะยาวได้ เป็นต้น 

ดร.ศิริพร พูดส่งท้ายว่า การทำธุรกิจที่เกียวเนื่องกับการผลิตอาหาร ผู้ประกอบการและ SME  ต้องมีความเข้าใจในพื้นฐานด้านการทำธุรกิจ มีการวางแผนอย่างรอบคอบ พร้อมต้องมีการวิเคราะห์สถานการณ์และประเมินความเสี่ยงในการทำธุรกิจอย่างรอบด้าน ตลอดจนมีความเชื่อมั่นและเข้าใจในแนวทางการดำเนินงานของโรงงานที่ต้องจ้างผลิตเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น รวมทั้ง ต้องมีความรู้เรื่องกฏหมายในการทำธุรกิจ ไม่กระทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายและจรรยาบรรณทางการค้า หรือเอาเปรียบลูกค้า

นอกจากนี้ ยังต้องให้ความสำคัญในเรื่องของกระแสเงินสด (Cash Flow) โดยต้องมีการบริหารต้นทุน และการจัดการที่ดีเพื่อให้มีสภาพคล่องในทุกสถานการณ์ หากในสภาวะที่วัตถุดิบหรือต้นทุนในการผลิตมีราคาเพิ่มสูงขึ้น ต้องมีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งต้องมีการนำแนวคิดการ Lean หรือการลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปพร้อมกับใช้ทรัพยากรเท่าที่จำเป็นอย่างคุ้มค่ามาปรับใช้ ซึ่งต้องมีการสร้างความเข้าใจและผลักดันให้พนักงานเดินหน้าไปพร้อมกันกับนโยบายขององค์กร เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตและแข่งขันในตลาดได้อย่างแข็งแกร่ง

ด้วยแนวคิดที่ต้องการสร้างความแตกต่างในธุรกิจ โดยการผลิตตามโจทย์ลูกค้า บวกกับความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภค ทำให้ ดร.ศิริพร สามารถสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่งและมั่นคง จนส่งผลให้ ‘อินโนเฟรช’ ได้รับการยอมรับจากผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ