นอกจากนั้นยังต้องประกอบไปด้วยทีมงานฝ่ายต่าง ๆ ที่อยู่เบื้องหลัง ทั้งด้านภาพ เสียง คอสตูม ประสานงาน ฯลฯ และโดยเฉพาะกับภาพยนตร์ที่เป็น Animation หรือภาพยนตร์ที่ต้องใช้เทคนิคต่าง ๆ ประกอบแล้ว ยิ่งต้องมีทีมที่เชี่ยวชาญโดยตรง และนักแสดงอาจต้องฝึกฝนความสามารถพิเศษเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนั้น ๆ มีจุดขายที่แตกต่างจากภาพยนตร์ Plot เรื่องดี ๆ ทั่ว ๆ ไป
อย่างเรื่อง Chef ที่ถึงแม้จะมี Plot เรื่องง่าย ๆ แต่ก็มีจุดขายของตัวเอง โดยการนำเอาอาหารหน้าตาดี แลดูน้ำลายสอ มาเป็นจุดดึงดูดแทนพระเอกหุ่นดี หน้าตาหล่อเหลา ซึ่งกว่าที่จะได้ภาพอาหารและท่วงท่าที่คล่องแคล่วสมเป็น Chef มืออาชีพแล้ว ย่อมต้องผ่านการฝึกฝนและถ่ายทำกันหลายเทคเลยทีเดียว โดยผู้ที่แสดงนำในเรื่องนี้พลิกผันตัวเองจากผู้กำกับ Iron Man 1 และ 2 มาทั้งเขียนบทเอง กำกับเอง และยังแสดงเองอีกด้วย นั่นก็คือ Jon Favreau (จอน เฟฟโร) ที่หลาย ๆ คนอาจจะไม่คุ้นหน้าสักเท่าไร ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังดึงดาราดังอีกหลายคนมาเข้าร่วมแสดง อย่างเช่น Dustin Hoffman, Robert Downey Jr., Scarlett Johansson, Oliver Platt ร่วมด้วย John Leguizamo, Sofia Vergara จึงทำให้ภาพยนตร์น่าสนใจมากขึ้น
เนื้อเรื่องนั้นจะเกี่ยวกับ Carl Casper (Jon Favreau ) หัวหน้าเชฟแห่งร้านอาหารดัง แต่อีโก้จัด ที่สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง เพราะไม่สามารถปรุงอาหารได้ต้องการ แต่กลับต้องทำตามคำสั่งของเจ้าของร้าน และยังไปมีเรื่องกับนักวิจารณ์อาหารชื่อดัง จนเป็นกระแสใน Social Media ทำให้เขาต้องออกจากงาน
Inez (Sofia Vergara) อดีตภรรยาได้เข้ามาช่วยเหลือจนเขาสามารถเปิด Food Truck ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งการเปิด Food Truck ในอเมริกานั้นจะต้องมีการจดทะเบียนรถที่จะขายรวมทั้งประเภทอาหาร และคนขายหรือคนขับจะต้องมีใบอนุญาต โดย Food Truck นั้นจะต้องจอดขายในโซนที่ให้จอดขายได้เท่านั้น รวมทั้งต้องตรวจเช็กสภาพรถทั้งในเรื่องความปลอดภัยและความสะอาดเป็นระยะ ๆ เพื่อใช้ต่อใบอนุญาต ซึ่ง Carl ก็ได้ Martin (John Leguizamo) ผู้ช่วย Chef และเพื่อนสนิทมาคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา
Carl ได้ตระเวนขายอาหารไปตามย่านต่าง ๆ และใช้โอกาสนี้ในการปรับความเข้าใจและสานสัมพันธ์กับลูกชายตัวน้อย Percy (Emjay Anthony) เพราะที่ผ่านมาเขามัวแต่ทำงานและไม่ค่อยมีเวลาให้กับลูกสักเท่าไร ซึ่งในที่สุดทั้งคู่ก็ Happy Ending เข้าใจกันและยังช่วยกันทำมาหากินอีกด้วย
ภาพยนตร์เรื่องนี้ถึงจะดูเรื่อย ๆ ไม่ได้มีมุกฮาขำกลิ้ง แต่ก็มีซีนอมยิ้มที่ดูได้จนจบ พร้อมกับความรู้สึก “หิว” กับอาหารที่ Carl ทำ โดยเฉพาะ Cuban Sandwich ที่เล่นเอาน้ำลายสอเลยทีเดียว
แต่นอกเหนือจากความน่ารักสบาย ๆ ของภาพยนตร์แล้ว มองลงไปลึก ๆ เราจะรู้สึกได้ถึงแรงบันดาลใจ และรับรู้ถึงจิตวิญญาณกับความรู้สึกลุ่มหลงในการทำอาหารของ Carl ที่ทำให้เขากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง สำหรับคนที่มองหาสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ อาจจะอยากก้าวออกมาทำตามความฝันก็ได้ค่ะ
https://youtu.be/qK-ZUFX5fnk