ภายใต้ความพยายามของหน่วยงานภาครัฐในการพัฒนาขีดความสามารถผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 3 ล้านราย ขณะที่จำนวนที่มีศักยภาพมากพอและแข่งขันได้อย่างแท้จริงกลับ มีไม่ถึง 20 % ที่เหลือคือยังคงลุ่มๆ ดอนๆ ขณะเดียวกัน ความคาดหวังของรัฐบาลในการที่จะทำให้ เอสเอ็มอีเติบโตและเป็นฟันเฟืองสำคัญในการเดินหน้าประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงไม่ลดความพยายามที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็เป็นผลดีกับกลุ่มผู้ที่ทำธุรกิจ เพราะจะเป็นช่องทางที่จะทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย สามารถปรับปรุงและต่อยอดมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน ปัญหาหลักๆของเอสเอ็มอีรายขนาดกลางและขนาดเล็ก คือ การขาดเทคโนโลยี และนวัตกรรม การสร้างผลงานใหม่ ด้วยเหตุนี้ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จึงได้มีการให้บริการเอสเอ็มอี-สตาร์ทอัพ ด้วย Platform เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการพัฒนาองค์ความรู้กับผู้ประกอบการ ผ่าน 10 “ศูนย์ SMEs–ITC” ทั่วประเทศ ในนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 10 แห่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการไทยต่อยอดการผลิตของเอสเอ็มอีไทย
โดยนางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย กนอ.พร้อมให้การสนับสนุนในทุกกลุ่มเป้าหมาย นอกจากอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดใหญ่แล้ว ยังให้ความสำคัญกับวิสาหกิจอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งเป็นคลัสเตอร์ที่มีส่วนในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมทั้งระบบ ด้วยการพัฒนาโซลูซั่นเพื่อให้SMEs เข้ามาเพื่อเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ด้วยนวัตกรรมต่างๆผ่านการให้บริการของ“ศูนย์ SMEs Industry Transformation Centerหรือ “ศูนย์ SMEs–ITC” ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ในที่นิคมอุตสาหกรรม 10 แห่งที่มีการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว ได้แก่ นิคมฯแหลมฉบัง นิคมฯภาคเหนือ (ลำพูน) นิคมฯ บางชัน นิคมฯลาดกระบัง นิคมฯปะอิน นิคมฯมาบตาพุด นิคมฯ ภาคใต้ นิคมฯ สมุทรสาคร และ นิคมฯเกตเวย์ซิตี้ ด้วย Platform ต่าง ๆ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้บริการ เพื่อสนับสนุนให้ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยสามารถต่อยอดนวัตกรรมและงานวิจัยไปสู่ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น
การให้บริการของ ศูนย์ SMEs–ITCประกอบไปด้วย Platform บริการในด้านต่างๆทั้งการให้บริการด้านต่างๆ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการพัฒนาองค์ความรู้กับผู้ประกอบการ ผู้ผลิต นวัตกรรม และงานวิจัย เช่น การให้คำปรึกษาแนะนำแก้ไขปัญหาธุรกิจ การต่อยอดนวัตกรรม และงานวิจัย การถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคนิคด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมโดยบริษัทที่เป็น Big brother ในนิคมฯ เช่น การให้ความรู้ในเรื่องเทคโนโลยี การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การบริกหารจัดการ การดำเนินงานด้านระบบซอฟท์แวร์ ฯลฯ
นอกจากนี้ในอนาคตจะพัฒนาเป็น Co-Working Space หรือเป็นพื้นที่ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในศูนย์ SMEs–ITC มีการนำ เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อใช้ผลิตชิ้นงานต้นแบบเชิงอุตสาหกรรม เช่น เครื่องจักรที่ช่วยขึ้นรูปงานต้นแบบด้วยเทคโนโลยี (3D Printer) ทั้งโลหะ โพลีเมอร์ และ เรซินต่าง ๆ เครื่องขึ้นรูปงานพลาสติกด้วยเครื่องฉีดพลาสติกขนาด 20 - 150 ตัน เครื่องเป่าลมพลาสติก เครื่องผสมเม็ดพลาสติก เครื่องกึ่งอัตโนมัติ (CNC) และ ต้นแบบของ Learning Factory เป็นต้น ซึ่งขณะนี้แต่ละพื้นที่ได้พร้อมให้บริการด้านความช่วยเหลือ และสนับสนุน ตลอดจนการให้คำปรึกษาในด้านต่างๆ เช่นการวางกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ กระบวนการผลิต และแผนการตลาด
ศูนย์ SMEs–ITC ยังเป็นศูนย์กลางความร่วมมือของหลายหน่วยงานที่มีความชำนาญด้านการออกแบบและวิศวกรรม ทั้งจากผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก สถาบันเครือข่ายผู้ประกอบการ สมาคมอุตสาหกรรม สถาบันการศึกษาต่าง ๆ เข้ามาสนับสนุน และพร้อมให้บริการแก่ภาคเอกชน นับเป็นแนวทางที่สำคัญต่อการยกระดับอุตสาหกรรมขนาดเล็กของไทย โดยเฉพาะ สตาร์ทอัพที่พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีทั้งในปัจจุบันและอนาคต สอดรับกับตามยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0
ภายใต้เงื่อนไขของนวัตกรรมและเทคโนโลยีในปัจจุบัน เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น คือการปรับตัวก้าวสำคัญในภาคการผลิต ซึ่งภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างระดมสรรพกำลังเพื่อหวังยกระดับขีดความสามารถผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย