ทางเลือกเดียวในการยกระดับภาคการเกษตรยกระดับคุณภาพชีวิต รายได้ ของเกษตรกรทั่วประเทศกว่า 23 ล้านคน ให้สอดรับกับการปรับเปลี่ยนของกระแสโลกและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ก้าวไปไกลได้ คือ การปฏิรูปโครงสร้างภาคการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ เพื่อก้าวข้ามการทำการเกษตรแบบดั้งเดิมซึ่งมีความไม่แน่นอนสูง เสี่ยงภัยธรรมชาติ ทั้งฝนฟ้าอากาศ มาทำการเกษตรสมัยใหม่ (Smart Farmer) ผลิตสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดมีคุณภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
นอกจากติวเข้ม Smart Farmer หรือ เกษตรกรปราดเปรื่อง ซึ่งกระทรวงเกษตรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งดำเนินการ ด้วยการส่งเสริมพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐทั้งจาก กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย ฯลฯ ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง
ควบคู่กับการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงกับระหว่างเกษตรกรรุ่นใหม่ด้วยกันเอง เกษตรกรรุ่นใหม่กับหน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานองค์กรภาคเอกชน เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถด้านการผลิต การแปรรูป และการตลาดพืชผลทางการเกษตรหลัก ๆ ทั้งระบบแล้ว ระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางปรับระบบการผลิตจากแบบดั้งเดิมสู่การเกษตรสมัยใหม่ หรือ Smart Farmer กำลังถูกนำมาพัฒนาต่อยอดในรูปวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่
ผนึกกำลัง 3 ประสาน ต่อยอดเกษตรแปลงใหญ่
วิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ หรือ Mega Farm Enterprise (MFE) ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต่อยอดมาจากนโยบายเกษตรแปลงใหญ่ ที่กำลังเป็นความหวังใหม่ที่จะนำมาเป็นกลไกปฏิรูปภาคการเกษตรของไทย ภายใต้แนวคิด ใช้ศักยภาพของทุกภาคส่วนมาสนับสนุนการผลิตภาคการเกษตร โดยยึดหลักเกษตรกรต้องเป็นเจ้าของที่ดิน โดยร่วมผลักดันให้นโยบายวิสาหกิจแปลงใหญ่สัมฤทธิ์ผล หลักๆ อาศัยการผนึกกำลังกัน 3 ฝ่าย ได้แก่
1.หน่วยงานภาครัฐ ซึ่งประกอบด้วย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม จังหวัด(ผู้ว่าราชการจังหวัด) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) จะทำหน้าที่สนับสนุนพัฒนา และติดตามประมวลผล ควบคู่กับกำกับดูแลให้ความร่วมมือระหว่างเกษตรกรกับภาคเอกชนดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
2.เกษตรกรที่เป็นเจ้าของที่ดินแปลงใหญ่ หรือเกษตรกร ที่รวมแปลงที่ดินทำการเกษตร ร่วมบริหารและตัดสินใจเลือกวิธีการผลิตที่เหมาะสม โดยอาศัยเทคโนโลยีสมัยใหม่และคำนึงถึงความเหมาะสมของพื้นที่ตามแผนที่เกษตร หรือ Agri Map รวมทั้งความต้องการของตลาด
3.ภาคเอกขน อาทิ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กลุ่มสานพลังประชารัฐ ฯลฯ จะเข้าร่วมโครงการโดยรับผิดชอบดูแลด้านการหาช่องทางรับซื้อผลผลิต หรือร่วมลงทุน และให้ข้อมูลด้านการตลาดแก่เกษตรกร รวมทั้งจัดอบรมวิธีการทำเกษตรสมัยใหม่ และพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นธรรม ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. 2560 หรือ Contract farming
มุ่งสู่ 3 เป้าหมายหลัก หากทำได้จะตอบสนองเป้าหมาย
1.เพื่อให้การดำเนินการตามนโยบายการตลาดนำการผลิต ภายใต้แนวทางการจัดทำแผนการผลิตภาคการเกษตร(Agriculture Production Plan) และโครงการเกษตรแปลงใหญ่ (Mega-Farm Project) สอดคล้องเชื่อมโยงกัน
2.เพิ่มบทบาทภาครัฐและเอกขน ให้เข้ามามีส่วนร่วมกับกลุ่มเกษตรกรในการบริหารจัดการเกษตรแปลงใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยยกระดับรายได้ของเกษตรกร
3.เพื่อสนับสนุนให้มีการพัฒนาระบบเกษตรกรรมของไทย ตั้งแต่เริ่มต้นการผลิตจนกระทั่งมีผลผลิตจำหน่ายออกสู่ตลาด ให้มีศักยภาพ มีความก้าวหน้าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน ที่สำคัญสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
ดันเกษตร 1 พันไร่ Mega Farm
สำหรับลักษณะและขนาดพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่เพื่อประหยัดการลงทุน ที่ดินที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(สปก.) มอบให้เกษตรกร พื้นที่ตามโครงการจัดที่ดินทำกินแห่งชาติ(คทช.) พื้นที่ซึ่งเกษตรกรรวมตัวกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์การเกษตร หรือวิสาหกิจชุมชน และพื้นที่ที่เกษตรกรรวมตัวกันทำการเกษตรแปลงใหญ่อยู่แล้วหลายๆ แปลงที่ติดกันในพื้นที่อำเภอเดียวกัน
ขนาดพื้นที่วิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่
-เบื้องต้นกำหนดพื้นที่ดำเนินโครงการไม่น้อยกว่า 1 แปลงใหญ่ ต่อ 1 ภูมิภาค ทั้งเหนือ อิสาน กลาง ใต้ ตะวันออก ตะวันตก
-ขนาดพื้นที่ติดกันรวมกันแล้วไม่น้อยกว่า 1,000 ไร่ขึ้นไป เพื่อก่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of scale) จากการผลิตทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง
วิธีการบริหารจัดการ
1.รวบรวมกลุ่มเกษตรกร โดยเกษตรอำเภอและเจ้าหน้าที่สหกรณ์จังหวัด รวมกลุ่มเกษตรกรเจ้าของที่ดินเพื่อจดทะเบียนเป็นสหกรณ์การเกษตร หรือวิสาหกิจชุมชน
2.ผู้จัดการวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ คัดเลือกจากเกษตรกรเจ้าของที่ดินที่มีศักยภาพ และมีความต้องการทำการเกษตรเอง หรือคัดเลือกบุตรหลานของเกษตรกรเจ้าของที่ดินที่ผ่านการอบรมหลักสูตรเกษตรสมัยใหม่ (Smart Farmer) มาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการ
3.สนับสนุนองค์ความรู้ และวิการการจัดการสมัยใหม่แบบเกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture) ประสานกับหน่วยงานภาครัฐและหรือภาคเอกชนจัดหลักสูตรอบรมให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ หรือแนะนำวิธีการผลิตและการจัดการวิสาหกิจ,เกษตรแปลงใหญ่ที่ใช้ต้นทุนต่ำและให้ผลผลิตสูง
4.บทบาทของภาคเอกชนกับเกษตรกร เกษตรกรเจ้าของที่ดินมาลงทุนร่วมกันในวิสาหกิจ,เกษตรแปลงใหญ่ เหมือนการร่วมกันทำนา ด้วยการลงแขกในอดีต โดยให้เอกชนลงทุนออกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องมือ เครื่องจักร หรือแนะนำวิธีการทำเกษตรกรรมสมัยใหม่ โดยเกษตรกรยังคงเป็นเจ้าของที่ดินในวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่
5.การจำหน่วยผลผลิต มอบหมายให้สหกรณ์การเกษตร หรือวิสาหกิจชุมชน ทำหน้าที่เป็นตัวแทนเกษตรกรรวบรวมผลผลิตในโครงการขายให้กับเอกชน หรือส่งไปจำหน่ายในตลาด รวมทั้งส่งออกไปขายต่างประเทศ หรือขายในระบบออนไลน์ เป็นต้น
6.การเพิ่มมูลค่าผลผลิตวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ เชิญชวนภาคเอกชนเข้ามาตั้งโรงงานรวบรวมผลผลิต หรือตั้งโรงงานแปรรู้ผลผลิตของโครงการโดยตรงในลักษณะอุตสาหกรรมการเกษตร
ทั้งหมดนี้กระทรวงเกษตรฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อเพิ่มพูนรายได้ให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ จากนั้นจะขยายผลให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศยกระดับภาคเกษตรของไทยก้าวไปอีกขั้น
Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก www.bangkokbanksme.com หรือ โทร call center 1333