เล่าเรื่อง Circular Economy ที่สตาร์ทอัพนำไปใช้ประโยชน์ได้
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้กระแสรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อมได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้แนวโน้มการบริโภคของผู้บริโภคและโอกาสของสตาร์ทอัพเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในเรื่องของขยะหลังจากบริโภคแล้วก็มักจะถูกนำไปทิ้ง เกินกว่าครึ่งที่กลายเป็นขยะตกค้างส่งผลกระทบถึงสิ่งแวดล้อมอย่างยาวนาน Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน จึงถูกหยิบมาขับเคลื่อนเพื่อสร้างโอกาสให้สตาร์ทอัพมากยิ่งขึ้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
Circular Economy คืออะไร?
Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน
เป็นแนวคิดทางเศรษฐกิจใหม่ เน้นใช้วัตถุดิบและทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
โดยสามารถยืดอายุการใช้งาน, นำมาใช้ซ้ำ หรือนำกลับมาเข้ากระบวนการผลิตใหม่
ซึ่งต่างจากเศรษฐกิจแบบเส้นตรง ที่เมื่อเลือกวัตถุดิบนำไปผลิตจนถึงขั้นบริโภคแล้ว สุดท้ายจะกลายเป็นขยะทิ้งเสียเปล่าหลักล้านตัน
แต่สำหรับ Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน
เป็นเศรษฐกิจที่จะไม่จบอยู่ที่สิ่งเหล่านั้นกลายเป็นขยะ เพราะเมื่อบริโภคเสร็จสิ้น
ขยะเหล่านั้นสามารถวนกลับเข้ามาในวงจรถึงมือผู้บริโภคได้อีก
ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ภาวะโลกร้อน
หรือแม้กระทั่งต้นทุนในการจัดหาทรัพยากรที่โลกของเรามีอยู่อย่างจำกัดเริ่มลดน้อยถอยลงไป
จนถึงการกำจัดเมื่อสิ่งเหล่านั้นกลายเป็นขยะ
หลักสำคัญของ Circular Economy
โดยปกติแล้วแต่ละองค์กรจะแบ่งองค์ประกอบของ
Circular Economy ไม่เหมือนกัน แต่หัวใจหรือหลักสำคัญก็คือ
ลดการไหลเวียนของทรัพยากรและวัสดุต่างๆ ช้าลง เช่น ยืดอายุการใช้งาน
นำกลับมาใช้ใหม่ นำกลับมาผลิตใหม่ ฯลฯ และปิดวงจรของการไหลเวียน โดยการลดการบริโภคหรือลดการผลิตตั้งแต่ออกแบบเชิงนิเวศ
ในส่วนของการออกแบบเชิงนิเวศ
ควรจะมีลักษณะดังนี้
1)
ควรออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สามารถผลิตได้ง่าย เข้าใจ-ใช้งานง่าย
สามารถใช้งานได้หลากหลาย เข้าถึงผู้ใช้งานได้เป็นวงกว้าง ไม่เฉพาะเจาะจงกับกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ
รวมถึงซ่อมแซมได้ง่าย ไม่ต้องทิ้งเมื่อใช้งานได้ไม่ปกติ มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
2) อีกหนึ่งหัวใจหลักคือ วัตถุดิบ
ทุกคนมักจะพูดว่า ให้งดใช้พลาสติก หันมาใช้สิ่งของจากธรรมชาติ แต่ความจริงแล้ว
สิ่งสำคัญอยู่ที่การใช้งานแต่ละสิ่งด้วยความเข้าใจ เพราะหากเข้าใจถึงคุณค่าให้สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ก็จะสามารถใช้วัตถุดิบเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ และลดการเกิดขยะด้วย อีกทั้งควรคิดไปไกลถึงขั้นหมดอายุการใช้งานเมื่อไหร่
และจะกำจัดอย่างไร
3) ในเรื่องของการใช้งาน ผลิตภัณฑ์ควรถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน
เริ่มตั้งแต่การออกแบบ โดยมุ่งเน้นเพื่อลดการซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่บ่อยจนเกินไป โดยคำนึงถึงความทนทาน
ซ่อมแซม ใช้ซ้ำได้ นำไปประยุกต์การใช้งาน และดัดแปลงหรือรีไซเคิลเป็นสิ่งใหม่ได้
Circular Economy ตัวช่วยสร้างโอกาสให้สตาร์ทอัพ
ถามว่า Circular Economy จะสามารถสร้างโอกาสให้สตาร์ทอัพได้อย่างไร?
ในปัจจุบันแม้กระแสรักษ์โลกได้รับความนิยมจากผู้บริโภคสูงมาก แต่ธุรกิจต่างๆ
รวมถึงสตาร์ทอัพในไทยมีความรู้ความเข้าใจจนหยิบเรื่อง Circular Economy มาใช้ได้จริงน้อย หากใครเริ่มศึกษาและเริ่มต้นธุรกิจโดยยึดหลัก Circular
Economy ก่อนในยุคนี้ย่อมได้เปรียบมากกว่า
โดยเฉพาะสตาร์ทอัพ
ซึ่งเป็นความหวังใหม่ที่จะเข้ามาช่วยขยายตัวทางเศรษฐกิจ สร้างสรรค์โมเดลทางธุรกิจและนวัตกรรมใหม่
รวมไปถึงการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นในอนาคต ช่วยสร้างโอกาสการเติบโตให้สตาร์ทอัพ ตั้งแต่การเป็นโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจ
ไปจนถึงการลดต้นทุนวัตถุดิบ-ขั้นตอนการผลิต การเพิ่มรายได้ให้องค์กรและแรงงาน
ความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ประสิทธิภาพเชิงนิเวศที่สูงขึ้น
ไปจนถึงภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรและผลิตภัณฑ์
ขอยกตัวอย่างโมเดลสตาร์ทอัพ Circular Economy
ที่ได้รับความนิยมตั้งแต่เข้ามาในไทยครั้งแรก อย่าง Refill Station ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ครีมอาบน้ำ
แชมพู น้ำยาล้างจาน ไปจนถึงธัญญาหารต่าง ๆ ปกติแล้วสินค้าเหล่านี้จะต้องใส่ลงในบรรจุภัณฑ์
แต่ร้านนี้จำหน่ายแบบรีฟิลให้ผู้บริโภคนำบรรจุภัณฑ์มาใส่นำกลับบ้านเอง
แม้จะมีเรื่องของความสะดวกสบายที่คนบางส่วนยังไม่เห็นด้วย
แต่ก็ได้ใจผู้บริโภคที่รักษ์โลกไปไม่น้อย
แถมผู้คนที่ไม่เคยสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมหันมาสนใจกันมากขึ้น นับว่า
แม้จะเป็นน้องใหม่ แต่ก็มาแรงแซงทางโค้งใช้ได้เลยทีเดียว
สำหรับท่านใดที่ทำธุรกิจอยู่ หรือกำลังมองหาธุรกิจแนวใหม่ที่เข้ามาตอบโจทย์ผู้คนและสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน Circular Economy น่าจะเป็นอีกหนึ่งคำตอบที่ดีสำหรับใครหลายๆ คน เพราะปัจจุบันผู้คนยังคงติดอยู่กับความคิดเดิมอยู่ แต่หากคุณกล้าที่จะฉีกความคิดออกมาแนวใหม่ (หลังจากศึกษามาถี่ถ้วน) ก็มีโอกาสค้นพบสิ่งใหม่ๆ ได้มากกว่าคนอื่นอย่างแน่นอน