ธุรกิจเกี่ยวกับขยะเมื่อ 20 ปีก่อน ถูกมองว่าเป็นสิ่งไม่น่าสนใจ หรือแม้แต่จะบริหารจัดการเป็นธุรกิจได้ แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไปเทรนด์การบริหารจัดการขยะกลับกลายเป็นธุรกิจที่น่าจับตา เพราะสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการจนสามารถสร้างฐานะได้อย่างมั่นคง แม้แต่ Bill Gates ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft ผู้ทรงอิทธิพลมากต่อวงการเทคโนโลยีโลก ก็ยังให้ความสำคัญกับการลงทุนในธุรกิจ Waste Management ซึ่งเป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อบริหารจัดการขยะ จนจดทะเบียนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (NYSE) ที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 19 รัฐในอเมริกา และขยายตัวเติบโตเรื่อยมาในการบริการจัดการขยะและบริการรีไซเคิล ซึ่งขึ้นครองตำแหน่งอันดับหนึ่งกลายเป็นเจ้าใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา มีรายได้ในปี 2018 จากการเก็บขยะ การให้บริการฝังกลบขยะ การบริการขนย้ายขยะ การบริการรีไซเคิล และธุรกิจอื่นๆ เกี่ยวกับพลังงานขยะกว่า 400 ล้านบาทคิดเป็นกำไรสุทธิกว่า 60 ล้านบาท
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
มีการคาดการณ์โดย
"เวิลด์แบงก์" ไว้ว่าในปี 2050
โลกจะมีขยะเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของชุมชนเมืองในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพิ่มขึ้นอีก
3.4 พันล้านตัน คิดเป็นอัตราเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 70 หรือเกือบ 3 ใน 4
จากปริมาณของเดิม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประเทศที่ยากจนหรือร่ำรวยก็หนีปัญหาขยะนี้ไม่พ้น
โดยกลุ่มประเทศร่ำรวย ประชากรกรมีรายได้สูง จะพบปัญหาขยะร้อยละ 16 ส่วนกลุ่มประเทศยากจน
ประชาชนมีรายได้น้อย ต้องพบกับปัญหาขยะถึงร้อยละ 90 ส่วนกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกประสบกับปัญหาขยะด้วยปริมาณที่เพิ่มขึ้นคิดเป็นเกือบ
1 ใน 4 หรือร้อยละ 23
โดยกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้และในทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา
ถิ่นกาฬทวีป เป็นพื้นที่ที่น่าวิตกกังวลเรื่องขยะมากที่สุด สำหรับประเทศไทย
กรมควบคุมมลพิษระบุว่า ในปี 2018 ประเทศไทยมีปริมาณขยะกว่า 50.6 ล้านตัน
มาจากชุมชน 56% อุตสาหกรรม 43% และสถานพยาบาล 1%
ทั้งนี้แนวทางในการบริหารจัดการขยะทั่วไป
(Waste Hierarchy) ตามหลักสากลนั้น มีรูปแบบการจัดการโดยการลดการผลิตขยะใหม่,
นำกลับมาใช้ซ้ำ, หมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่, แปรรูปด้วยวิธีการย่อยสลายหรือการหมัก, ฝังกลบ,
เผาแปรรูปเป็นพลังงาน และระบบเทกองที่มีการควบคุม โดยการรีไซเคิลขยะกลายเป็นธุรกิจบริหารจัดการขยะที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
จัดเป็นธุรกิจที่ทำเงินให้กับผู้ประกอบการหลายรายได้สร้างฐานะขึ้นมาได้จนมั่งคั่งร่ำรวย
จากการรับซื้อขยะรีไซเคิลทุกชนิด เช่น แก้ว กระดาษ เหล็ก ทองแดง อะลูมิเนียม
มาหลอมขึ้นรูปใหม่ ซึ่งเป็นรูปแบบการจัดการขยะทั่วไปที่มาจากชุมชน และมีการคาดการณ์ว่าธุรกิจรีไซเคิลในไทยจะมีมูลค่าพุ่งสูงขึ้นถึง
2.24 แสนล้านบาทในปี 2024
สำหรับขยะอุตสาหกรรมนั้นพบว่ามีเปอร์เซ็นต์สูงเกือบครึ่งของปริมาณขยะในประเทศไทย
กำลังกลายเป็นโอกาสในการทำธุรกิจทำเงินที่เป็นกระแสในปัจจุบัน จากปริมาณขยะในเขตอุตสาหกรรมหรือในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
(EEC) ที่มีเพิ่มมากขึ้น หลังรัฐบาลสนับสนุนให้ลงทุนเพิ่มเติมในโครงการเขตพื้นที่
EEC ทำให้ปริมาณกากขยะอุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้วอยู่ที่ประมาณ
2 แสนตันในปี 2018 ส่วนใหญ่เป็นประเภทของเสียไม่อันตราย (คิดเป็นกว่า 70%)
และพบกากขยะอุตสาหกรรมได้มากที่สุดในพื้นที่ จังหวัดระยอง คิดเป็น 51%
ของปริมาณกากขยะจากอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC ทั้งหมด
ดังนั้นแล้วภาครัฐจึงกำหนดนโยบายเพื่อผลักดันให้เกิดการลงทุน
โดยให้ผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะ โรงงานที่มีกระบวนการแปรรูปเพิ่มเติมและกลับมาใช้ใหม่
(Recycle) สามารถได้รับการยกเว้นอากร
ทั้งการนำเข้าเครื่องจักร การนำเข้าเพื่อวิจัย และพัฒนาวัตถุดิบผลิตเพื่อส่งออก
และยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี
นี่จึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับการทำธุรกิจ
Waste Management ในประเทศ ที่จะเข้าไปรองรับปริมาณขยะที่กำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้น
จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร การขยายตัวของชุมชน และการเติบโตในภาคอุตสาหกรรม ทำให้เกิดของเสียและขยะต่างๆ
ออกสู่สิ่งแวดล้อมเป็นจำนวนมาก หากภาครัฐมีการสนับสนุนส่งเสริมต่อเนื่อง ก็จะทำให้เกิดผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้ามาบริหารจัดการขยะด้วยเทคโนโลยีทีมีประสิทธิภาพ
เป็นการเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการให้มากขึ้นได้จากปัจจุบันที่มีจำนวนน้อยรายจนเกิดปัญหาผูกขาดทางการตลาดและการกำหนดราคา
โดยเทรนด์ที่หลายภาคส่วนให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่งในธุรกิจ Waste Management ก็คือ เทคโนโลยีการผลิตพลังงานจากขยะ หรือ Waste to Energy ซึ่งเป็นแนวคิดการนำขยะมาสร้างประโยชน์โดยการแปรสภาพเป็นพลังงานทดแทน อันเป็นทางออกหนึ่งของการแก้ปัญหาปริมาณขยะจำนวนมาก ที่จะทำให้เกิดการจัดการขยะแบบหมุนเวียนและลดมลพิษจากขยะลงได้อย่างยั่งยืน.
แหล่งอ้างอิง
https://www.bangkokbiznews.com/