เจาะ ‘อุตสาหกรรมยานยนต์’ เวียดนาม 2568

AEC Connect
16/05/2025
รับชมแล้วทั้งหมด 59 คน
เจาะ ‘อุตสาหกรรมยานยนต์’ เวียดนาม 2568
banner

ภาคธุรกิจยานยนต์ของเวียดนามกำลังเติบโตอย่างมาก ท่ามกลางสภาวะห่วงโซ่อุปทานที่หยุดชะงักชั่วคราวและความไม่แน่นอนของการค้าโลก โดยภาคธุรกิจดังกล่าวเติบโตจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งของรัฐบาล การลงทุนจากต่างประเทศและอุปสงค์ของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม ‘รถไฟฟ้า’


จากข้อมูลของ PwC ระบุว่าเวียดนามเป็นตลาดยานยนต์ที่โดดเด่น เนื่องจากการเติบโตของผลรวมปริมาณการซื้อ/ขาย ของทั้งอุตสาหกรรมอยู่ที่ 22% เป็นรองเพียงแค่สิงคโปร์ ขณะที่ การเติบโตดังกล่าวของ 6 ประเทศ (อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ไทย, ฟิลิปปินส์, เวียดนามและสิงคโปร์) ในอาเซียนคาดว่าจะลดลงประมาณ 5.4% ในปี 2567 เนื่องจากอุปสงค์ผู้บริโภคลดลงในประเทศอินโดนีเซียและประเทศไทย


ตลาดยานยนต์ของเวียดนามผงาดขึ้นมา เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากนโยบายของรัฐบาล เช่น การลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนเป็นการชั่วคราว ในปี 2567, การลดอัตราดอกเบี้ย ในปี 2566 และสิทธิประโยชน์ทางภาษี ขณะเดียวกัน รถไฟฟ้าก็ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้นในเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วน 20% ของผลรวมยอดขายรถยนต์ใหม่ของประเทศ


อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมยานยนต์ของเวียดนามยังคงอยู่ในขั้นกำลังพัฒนาด้วยอัตราการปรับยานยนต์ให้สอดคล้องกับท้องถิ่นอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ ในปี 2566 ยานยนต์ประมาณ 70% ที่ขายออกไปถูกประกอบภายในประเทศ แต่ชิ้นส่วนรถยนต์เพียงแค่ 20% ที่ผลิตในเวียดนาม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามีการพึ่งพาชิ้นส่วนรถยนต์และวัสดุตั้งต้นนำเข้าอย่างมาก และการพึ่งพานี้ตอกย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความสามารถในการผลิตในท้องถิ่นให้มากขึ้นเพื่อปรับปรุงในด้านต้นทุนและความสามารถในการแข่งขัน


‘VinFast’ บริษัทผู้ผลิตยานยนต์ยักษ์ใหญ่ที่ถือว่าเป็นเจ้าถิ่น ผงาดขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของแบรนด์จากต่างประเทศ โดย VinFast นำเสนอยานยนต์โมเดลต่าง ๆ ลที่มีราคาจับต้องได้ ซึ่งจุดนี้เองที่ช่วยให้ส่วนแบ่งการตลาดของ VinFast ขยายตัวจาก 9.2% ในปี 2566 เป็น 21.3% ในปี 2567 แซงหน้าคู่แข่งแบรนด์จากต่างประเทศ เช่น Hyundai, Toyota และ Kia


ปี 2567 นับเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ของเวียดนาม เพราะมีผู้ผลิตรถยนต์จากจีนหลั่งไหลเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมากซึ่งเพียงแค่ปีนี้ปีเดียวก็มีแบรนด์จากประเทศจีนที่เข้ามาใหม่ในตลาดเวียดนามถึง 7 แบรนด์ ทำให้ยอดรวมของแบรนด์จีนเป็น 13 แบรนด์ แซงแบรนด์ญี่ปุ่นที่มีอยู่ 9 แบรนด์ ทั้งนี้ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หน้าใหม่ที่โดดเด่น ได้แก่ Geely Group, Geleximco-Chery และ Skoda Auto


ในแง่ของความได้เปรียบในการแข่งขัน เวียดนามมีข้อได้เปรียบหลายข้อที่ทำให้เวียดนามแตกต่างจากตลาดยานยนต์ระดับภูมิภาคอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่โลกกำลังเผชิญกับภาวะที่ไม่แน่นอน โดยข้อได้เปรียบเหล่านั้น ได้แก่ 1. นโยบายเชิงรุกของรัฐบาล 2. เครือข่ายความตกลงการค้าเสรีที่กว้างขวาง และ 3. ศักยภาพของอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง 


ที่มา: https://www.vietnam-briefing.com/news/vietnam-automotive-industry-in-2025-growth-tariff-impacts-and-future-outlook.html/ 


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

ส่อง ‘10 เทรนด์’ ปลดล็อกโอกาสทองธุรกิจไทยในจีน

ส่อง ‘10 เทรนด์’ ปลดล็อกโอกาสทองธุรกิจไทยในจีน

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครคุนหมิง ภายใต้กระทรวงพาณิชย์ของไทย รายงานว่า ในปัจจุบันจีนกำลังก้าวเข้าสู่ ‘เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ’…
pin
2 | 28/11/2025
ติมอร์-เลสเต เข้าร่วมอาเซียน — โอกาสใหม่ของนักลงทุน

ติมอร์-เลสเต เข้าร่วมอาเซียน — โอกาสใหม่ของนักลงทุน

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ติมอร์-เลสเต ได้กลายเป็นสมาชิกประเทศที่ 11 ของอาเซียน ซึ่งเป็นการสิ้นสุดกระบวนการที่เริ่มต้นจากสถานะผู้สังเกตการณ์ในปี…
pin
5 | 14/11/2025
ศึกภาษีสหรัฐฯ บีบ ‘เวียดนาม’ ต้องปรับตัว

ศึกภาษีสหรัฐฯ บีบ ‘เวียดนาม’ ต้องปรับตัว

สหรัฐอเมริกาได้ประกาศใช้อัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับสินค้าทั้งหมดจากเวียดนามที่ 20% โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา…
pin
9 | 31/10/2025
เจาะ ‘อุตสาหกรรมยานยนต์’ เวียดนาม 2568