AEC Connect | ทำไม การท่องเที่ยว ‘ไทย’ แข็งแกร่งกว่า ‘เวียดนาม’
‘เวียดนาม’ นั้นพึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างมากเหมือนกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยภาคการท่องเที่ยวของเวียดนามคิดเป็นสัดส่วนราว 18.5% ของ GDP ในปี 2562 ล่าสุด สำนักข่าวเวียดนามรายงานมุมมองของบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของเวียดนามไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ บริษัทนำเที่ยว และนักวิชาการด้านการท่องเที่ยว ซึ่งต่างสะท้อนความคิดเห็นออกมาว่าการท่องเที่ยวของประเทศไทย ‘แข็งแกร่ง’ กว่าเวียดนาม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียที่อาศัยอยู่ในเวียดนามราว 6 ปี และเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยมากกว่า 30 ครั้ง มองว่าแม้ว่าเวียดนามจะมีทัศนียภาพที่สวยงาม อาหารอร่อยและผู้คนที่เป็นมิตร แต่การพัฒนาการท่องเที่ยวของไทยกลับทำได้ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘คุณภาพของบริการด้านการท่องเที่ยว’
ในประเทศไทย ห้างสรรพสินค้าและตลาดกลางคืนมีความหลากหลายและเหมาะสมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวตะวันตก พร้อมด้วยสินค้าที่มีคุณภาพที่ดีกว่า
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีการขนส่งสาธารณะหลายรูปแบบ เช่น รถโดยสาร แท็กซี่ ตุ๊กตุ๊กและรถสองแถว ซึ่งสร้างความสะดวกสบายให้แก่นักท่องเที่ยวในการสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ขณะที่เวียดนามจะมีแค่แท็กซี่แบบรถจักรยานยนต์หรือรถโดยสาร
สำหรับการเดินทางจากสนามบิน นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยสามารถใช้บริการรถไฟฟ้าในราคาราว 35 บาท (1 ดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อเดินทางไปยังตัวเมืองในกรุงเทพมหานคร โดยรถไฟลอยฟ้า (BTS) และรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) เป็นรูปแบบการเดินทางที่สะดวกที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวรอบ ๆ กรุงเทพมหานคร ในทางตรงกันข้าม การขนส่งสาธารณะของเวียดนามค่อนข้างมีจำกัด ถึงแม้ว่ารถไฟฟ้าสายแรกของประเทศในกรุงฮานอยจะเปิดให้บริการไปแล้วปี 2564 แต่ก็ไม่สามารถเชื่อมกับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ภายในตัวเมืองหลวงได้ดีเท่าที่ควร ส่วนรถไฟฟ้าในนครโฮจิมินห์ยังไม่เปิดให้บริการ เนื่องจากเผชิญปัญหาด้านความล่าช้า
สอดคล้องกับบล็อกเกอร์ด้านท่องเที่ยวชาวเยอรมนีที่เคยเดินทางไปยัง 2 ประเทศก็มีความเห็นที่เหมือนกันว่าไทยดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ดีกว่าเวียดนาม เนื่องด้วยให้ประสบการณ์การท่องเที่ยวที่หลากหลาย ซึ่งถึงแม้ว่าเวียดนามจะเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวไปแล้วก่อนหน้านี้ก็สามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เพียง 3.5 ล้านคน เท่านั้น คิดเป็นเกือบ 1 ใน 4 ของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติของไทยที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ 11.5 ล้านคนในปี 2565
ในปี 2562 เวียดนามบันทึกจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศที่ 18 ล้านคน และได้รับรายได้ 1,830 ล้าน จากการท่องเที่ยวระหว่างประเทศซึ่งต่ำกว่าไทยมาก โดยไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 39.8 ล้านคน และสร้างรายได้ 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แม้แต่ นาย Nguyen Tien Dat ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท AZA Travel ซึ่งเป็นบริษัทธุรกิจนำเที่ยวยังกล่าวว่าเวียดนามยังตามหลังประเทศไทยอยู่มากในด้านการบริการการท่องเที่ยวและการทำรายได้จากการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ บรรดาคนวงในด้านการท่องเที่ยวต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านโยบายวีซ่าที่เหมาะสมยังส่งเสริมให้ไทยเป็นตัวเลือกในอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกซึ่งมักจะพำนักระยะยาว โดยไทยเสนอการยกเว้นวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวจาก 50 ประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ และชาติยุโรปต่าง ๆ พำนักระยะยาว ที่สามารถพำนักในประเทศได้สูงสุด 45 วัน และล่าสุดได้ออกวีซ่าสำหรับผู้พำนักระยะยาวขึ้นใหม่ซึ่งอนุญาตชาวต่างชาติพำนักในประเทศสูงสุด 10 ปี และสามารถเข้า-ออก ประเทศได้หลายครั้ง
ขณะที่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวชาวเวียดนาม จากมหาวิทยาลัยฮานอย มองว่าไทยและเวียดนามมีลักษณะทางภูมิศาสตร์และวัฒนธรรมที่เหมือนกัน แต่แนวทางเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของไทยทำให้ทั้งสองประเทศมีความแตกต่าง โดยในช่วงวิกฤติโควิด 19 หลายประเทศทั่วโลกเผชิญความยากลำบาก แต่ไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เปิดการท่องเที่ยวใหม่ด้วยโครงการ ‘Phuket Sandbox’ ที่ผ่อนคลายเรื่องการกักตัวและข้อจำกัดต่าง ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
จากข้อมูลการประชุมสุดยอดเรื่องการท่องเที่ยวของเวียดนามในปี 2561 นักท่องเที่ยวต่างชาติพำนักอยู่ในเวียดนามและไทยเฉลี่ยที่ 9 วัน แต่นักท่องเที่ยวใช้จ่ายต่อวันในประเทศไทยราว 163 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อคน ขณะที่ใช้จ่ายที่ 96 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน ในเวียดนาม
โดยสรุป ปัจจัยหลักที่ถูกมองว่าทำให้การท่องเที่ยวไทยน่าดึงดูดใจมากกว่าเวียดนามในสายตาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ได้แก่ 1.คุณภาพของบริการด้านการท่องเที่ยว 2. ระบบการขนส่งสาธารณะหลายรูปแบบ 3. การมอบประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่หลากหลาย 4. นโยบายด้านวีซ่า และ 5. แนวทางการฟื้นฟูการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ในปี 2566 นี้ เวียดนามตั้งเป้าว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 8 ล้านคน ขณะที่ รัฐบาลได้เริ่มหาวิธีฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ส่วนไทยตั้งเป้าต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 30 ล้านคน อย่างไรก็ดี ยังมีข้อสังเกตการณ์ว่าการท่องเที่ยวภายในประเทศของเวียดนามเติบโตรวดเร็วและมีรายรับเพิ่มขึ้นทุกปีในไม่กี่ปีที่ผ่านมา อีกทั้งการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางของเวียดนามทำให้สัดส่วนของนักท่องเที่ยวท้องถิ่นเข้าพักในโรงแรมขนาดใหญ่มากขึ้นและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวท้องถิ่นเฉลี่ยต่อวันเพิ่มมากขึ้นด้วยซึ่งการเติบโตที่รวดเร็วของการท่องเที่ยวภายในประเทศของเวียดนามอาจเป็นโอกาสธุรกิจในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของผู้ประกอบการไทยเช่นกัน
ที่มา:
Why Thailand has attracted more foreign tourists than Vietnam - VnExpress International
Vietnam reimagines tourism (bangkokpost.com)