เรื่องใหญ่ภายในบ้านทุกวันนี้กลับตาลปัตร
แต่ก่อนเราอาจเคยได้ข่าวการติดโซเชียลของเด็กยุคใหม่
ซึ่งตอนนั้นผู้ใหญ่ยังไม่เข้าใจว่า โซเชียลที่ว่านั้นหมายถึงอะไร
เพราะส่วนใหญ่คือเห็นแค่การนั่งสไลด์จอสมาร์ทโฟน การนั่งจ้องหน้าเท็ปเล็ต
หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นพฤติกรรมของเด็กหรือวัยรุ่นที่ติดโซเชียลแบบงอมแงม
ที่ว่ากลับตาลปัตรก็คือ ในขณะที่คนรุ่นใหม่ในปัจจุบันเริ่มอยากห่างหายกับโลกออนไลน์และหวนกลับมาใช้ชีวิตแบบออฟไลน์ แต่กลับเป็นว่าผู้สูงอายุในบ้าน กลับมีพฤติกรรมการติดโซเชียลแทน จะเริ่มจากลูกหลานสอนให้เล่น หรือเล่นเองตามกระแส แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเดี๋ยวนี้ติดงอมแงมแบบนั่งไถจอทั้งวัน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
คนสูงวัยนิยมใช้งานโซเชียลมีเดียเพิ่ม
จากเว็บไซต์ Nextadvisor.com ได้รายงานตัวเลขของกลุ่มผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียเอาไว้ว่า
กลุ่มผู้ใช้งานส่วนใหญ่ ยังคงเป็นวัยรุ่นซะเป็นส่วนมาก แต่ที่น่าตกใจคือ
ผู้ใหญ่เองก็เริ่มที่จะตีตื้นและหันมาใช้งาน
หรือติดโซเชียลมีเดียเยอะขึ้นไม่แพ้กัน
มีจำนวนผู้ใหญ่ที่ใช้งานโซเชียลมีเดียสูงถึง
72% เลยทีเดียว นับเป็นตัวเลขที่สูงมาก
และช่วงอายุเฉลี่ยที่ใช้งานนั้นคือ 30-49 ปี (78%) 50-64 ปี (60%) และ 65 ปีขึ้นไป (43%) นั่นหมายความว่า แม้แต่คนอายุ 65 ปี
หรือมากกว่า ก็ยังใช้งานโซเชียลมีเดียแทบจะเป็นหลักเลยก็ว่าได้
ซึ่งมีพฤติกรรมให้เห็นรอบตัวเราทุกวันนี้แบบไม่ต้องมองไปที่ไหนไกลเลย
ผู้ใหญ่ใช้โซเชียลมีเดียทำอะไรบ้าง?
เรื่องหลักๆ ที่ผู้ใหญ่ใช้งานโซเชียลมีเดียกันเลยก็คือ
เพื่อติดต่อสื่อสารกับคนห่างไกล มีกลุ่มสังคมใหญ่กว่าวัยรุ่นเสียอีก ได้พบเจอเพื่อนเก่าผ่านทางไลน์
เฟซบุ๊ก หรือโซเชียลมีเดียใดๆ ก็ตาม จึงทำให้เกิดความคุ้นเคย และสร้างกลุ่มของตัวเองขึ้นมา
ชวนกันต่อมาเป็นทอดๆ จนเกิดเป็นคอมมูนิตี้ใหญ่ที่หลากหลาย ทั้งกลุ่มเพื่อนประถม
กลุ่มเพื่อนมัธยม และกลุ่มเพื่อนมหาลัย
นอกจากการใช้งานเพื่อติดต่อสื่อสารแล้ว ผู้ใหญ่หลายๆ คนยังใช้งานเพื่อสั่งสินค้าออนไลน์อีกด้วย สินค้าบนโลกออนไลน์นั้นหลากหลาย และราคาถูก รวมถึงมีแอดโฆษณา ที่ช่วยย้ำให้คนที่สนใจนั้นมองเห็นโพสต์มากขึ้น จึงอาจส่งผลให้เกิดการเสียเงินง่ายๆอาจสั่งซื้อของวันละหลายๆ ชิ้น นับเป็นกลุ่มที่นักการตลาดไม่ควรมองข้าม
อันตรายที่แฝงมากับการติดโซเชียลของคนสูงวัย
สิ่งที่มีประโยชน์มากแค่ไหน
ถ้าใช้งานอย่างผิดวิธี หรือมากเกินไปก็จะให้โทษได้อยู่ดี
การเล่นโซเชียลมีเดียของผู้ใหญ่นี้ก็เช่นกัน เพราะมันเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายหรือภัยร้ายได้มากกว่าที่คิด
1. ติดกับดัก Fake News
บนโลกออนไลน์นี้มีข่าวสารปลอมๆ
เกิดขึ้นมากมายทุกวัน ซึ่งมีทั้งภาพตัดต่อ การนำคำพูดคนนั้นมาใส่คนนี้ การปลุกปั่นต่างๆ
ทั้งทางการเมือง เชื้อชาติ และศาสนา ซึ่งผู้ใหญ่จะขาดภูมิต้านทานเรื่องนี้
ทำให้เห็นภาพอะไรที่น่าสนใจ ก็จะแชร์ต่อไปทันที โดยไม่วิเคราะห์หรือไตร่ตรอง
โดยเชื่อฝังหัวสนิทใจว่า นี่คือสิ่งที่ถูกต้อง จึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดที่รุนแรง
และเกิดผลเสียได้
2. โดนหลอกลวงง่าย
นอกจากเรื่องข่าวปลอมแล้ว
พวกข่าวสารการหลอกลวงต่างๆ กลุ่มผู้ใหญ่เองก็จะไม่ค่อยทันกับสื่อปลอมๆ เหล่านี้
เช่น การหลอกให้โอนเงินช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย
หรือการยกเอาบุคคลที่ดูน่าเชื่อถือมาอ้างอิง ให้เกิดน้ำหนักเพื่อหลอกขายสินค้า
ซึ่งนี่ไม่ใช่ความผิดของผู้ใหญ่นะครับ ที่เค้ารู้ไม่เท่าทัน
มันเป็นเพราะเค้าเกิดมาในยุคที่มีแค่การสื่อสารทางเดียว สื่อต่างๆ
ที่จะออกมาได้จะต้องกรองแล้ว และมีความน่าเชื่อถือ พอยุคสมัยเปลี่ยนไปจนใครๆ
ก็ทำหน้าที่เป็นสื่อได้ จึงทำให้คนที่ปรับตัวไม่ทันหลงเชื่อข้อมูลผิดๆ เหล่านี้ไป
เราในฐานะคนใกล้ตัวจึงต้องช่วยกันดูแล
3. พร้อมจะแชร์ทุกอย่าง
การแชร์ของผู้ใหญ่ จะขาดซึ่งการไตร่ตรองอย่างที่เราได้บอกไป
ทำให้แม้จะเป็นข่าวปลอมแค่ไหน ถ้ามันสะเทือนใจ หรือทัชกับอารมณ์ของเขา
ก็มีโอกาสที่จะถูกแชร์ต่อไปอย่างรวดเร็ว
4. เป็นเหยื่อการตลาดออนไลน์
เรื่องของการสั่งของออนไลน์ เพราะผู้ใหญ่ส่วนมากจะตื่นตาตื่นใจกับการช้อปออนไลน์ราวกับได้ของเล่นใหม่ ทำให้เห็นของถูกที่ไหน ต้องชอปโอนเงินทันที มีผู้ใหญ่หลายคนที่สั่งของออนไลน์จนเงินหมดตัว กลายเป็นภาระลูกหลาน ซึ่งถ้าคุณเองไม่อยากให้พวกท่านกลายเป็นแบบนี้ ต้องหมั่นใส่ใจ ดูแล และให้คำแนะนำเสมอ ๆ เพราะคนสูงวัยที่เพิ่มมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยี อาจยังไม่มีข้อรู้และเท่าทันมากพอ ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญสำหรับพฤติกรรมการใช้งานโซเชียลมีเดียสำหรับผู้สูงอายุมากเป็นพิเศษ