กลยุทธ์แบบ Inside-out หรือ Outside-in แบบไหนเหมาะกับบริษัทมากกว่ากัน?

The Big Blue
21/06/2024
รับชมแล้วทั้งหมด 468 คน
กลยุทธ์แบบ Inside-out หรือ Outside-in แบบไหนเหมาะกับบริษัทมากกว่ากัน?
banner

ทุกธุรกิจมักตั้งต้นจากการที่ว่า อยากนำเสนออะไรสักอย่างให้แก่ลูกค้า ซึ่งกว่าจะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ได้ก็ต้องเริ่มจากการคิด ทีนี้วิธีที่จะคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขึ้นมานั้น อาจจะตั้งต้นได้จาก 2 ทาง คือหาว่าเราเก่งอะไร หรือหาว่าลูกค้าอยากได้อะไร โดยมีชื่อเรียกกลยุทธ์ทั้งสองแบบนี้ว่า กลยุทธ์แบบ Inside-out และ Outside-in


กลยุทธ์แบบ Inside-out


คือการที่การตลาดและธุรกิจให้ความสำคัญกับความสามารถและความแข็งแกร่งภายในองค์กร เช่น กระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และบุคลากรที่มีความสามารถ องค์กรที่ใช้กลยุทธ์ Inside-out คือองค์กรที่สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีเหล่านี้เพื่อสร้างสินค้าและบริการที่มีคุณค่าได้อย่างเต็มศักยภาพ


ธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์นี้ จะตั้งต้นจากไอเดียก่อน แล้วก็ค่อยหาคนเก่งๆ ที่เข้าใจคอนเซ็ปเข้ามาช่วยพัฒนา หลังจากนั้นเป้าหมายก็คือให้คนอื่นเข้าใจว่าสินค้าหรือบริการใหม่นี้จะช่วยให้ชีวิตเขาง่ายขึ้นยังไง ช่วยให้เขามีความสุขมากขึ้น หรือได้อะไรจากสิ่งนี้


บริษัทที่ใช้กลยุทธ์นี้ จะเน้นสร้างสินค้าโดยไม่ได้อ้างอิงจากความต้องการตลาด แต่มาจากความเชื่อในศักยภาพของสินค้าว่าจะกลายเป็นสินค้าที่คนต้องการ ทำให้บริษัทามารถเอาทรัพยากรทั้งหมดไปลงกับผลิตภัณฑ์นี้จนออกมาเป็นผลิคภัณฑ์ที่คุณภาพดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และคุณภาพของสินค้าก็จะเป็นตัวดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาเอง


ประโยชน์ของกลยุทธ์ Inside-out


ลดต้นทุน


เพราะกลยุทธ์ Inside-out นี้เริ่มจากการที่บริษัทใช้ทรัพยากรที่มีภายใต้ข้อจำกัดทั้งหมด รู้ว่าจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ และคำนวณคร่าวๆ ว่าจะประหยัดต้นทุนได้อย่างไรด้วยการใช้ประโยชน์สูงสุดจากระบบการดำเนินงาน


สร้างความแตกต่าง


กลยุทธ์นี้จะช่วยให้บริษัทรู้ว่าจะวางตัวเองยังไงให้แตกต่างจากคนอื่น หัวใจหลักๆ ก็คือการที่องค์กรรู้จุดแข็ง เข้าใจเป้าหมายและวิสัยทัศน์ รู้ว่าตัวเองทำอะไรได้ดี ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ และต้องการจะไปทางไหนต่อ การริเริ่มแนวคิดขององค์กรเช่นนี้ สามารถกลายเป็น Branding ขององค์กร ที่จะสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ และทำให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์ได้


ถ้าพูดถึงบริษัทที่โดดเด่นด้านการใช้กลยุทธ์นี้ก็คือ Apple


ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างจะเริ่มจากคำว่า “ทำไม?”


แม้ Apple จะไม่เคยถามลูกค้าเลยว่าต้องการอะไร แต่ Apple ก็เหมือนจะเข้าใจสัญชาติญาณลึกๆ ของลูกค้า และออกแบบผลิตภัณฑ์แบบที่คิดมาแล้วว่าลูกค้าจะชอบเสมอ


กลยุทธ์แบบ Outside-in


ตรงกันข้ามกับกลยุทธ์ Inside-out เลย คือเริ่มต้นด้วยการถามลูกค้าก่อนว่าลูกค้าน่าจะต้องการอะไร ซึ่งบ่อยครั้งลูกค้าก็มักจะต้องการในสิ่งที่ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่สามารถตอบโจทย์ได้ เป้าหมายของกลยุทธ์นี้คือการเติมเต็มช่องว่างที่มีอยู่ในตลาด โดยอาจจะเริ่มจากการรีเสิร์ชเพื่อให้เข้าใจภาพรวมทิศทางของตลาดที่คุณต้องการจะดึงเข้ามาเป็นฐานลูกค้า


ข้อดีของกลยุทธ์แบบ Outside-in


ได้ข้อมูลเชิงลึกและความพึงพอใจของผู้บริโภค


เนื่องจากกลยุทธ์นี้พยายามมองจากมุมของลูกค้า และเป้าหมายหลักคือการให้ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ องค์กรจึงต้องมีการรีเสิร์ชข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกจากลูกค้าและเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร จึงทำให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ออกมานั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นที่พึงพอใจ และสร้างประสบการณ์ที่ที่สุดให้แก่ลูกค้า


เกิดความภักดีของลูกค้าต่อแบรนด์


และเมื่อกลยุทธ์ Outside-in ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการเป็นอันดับแรกๆ ก็จะทำให้ลูกค้ารู้สึกได้ว่าแบรนด์สนใจความคิดเห็นของเขา ทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกดี และมีความภักดีต่อแบรนด์ได้ง่าย แล้วเมื่อลูกค้ากลุ่มหนึ่งช่วยสร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวกใหแบรนด์ไปแล้ว ก็สามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ ให้เข้ามาได้อีกต่อหนึ่ง


ถ้าถามว่ากลยุทธ์แบบไหนดีที่สุด ก็คงตอบได้ยากเพราะแต่ละองค์กรก็มีบริบทที่แตกต่างกัน อีกทั้งการบริหารงานในองค์กรเดียวกัน บางครั้งก็ควรคิดแบบ Outside-in เช่น การทำการตลาด การพัฒนาธุรกิจ การพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้า แต่ในส่วนของด้าน HR, การเงิน, การวางแผน และการดำเนินงานต่างๆ บางทีก็ควรจะคิดแบบ Inside-out ควบคู่กันไปเช่นเดียวกัน


ผู้เขียน ชนาภา มานะเพ็ญศิริ


References

https://www.hypeinnovation.com/blog/inside-out-versus-outside-in-which-is-better-for-your-business

https://www.indeed.com/career-advice/career-development/inside-out-vs-outside-in-strategy#:~:text=What%20is%20an%20inside%2Dout,processes%20and%20a%20talented%20workforce.


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

รู้จัก Visual Foundation Models เมื่อ AI ไม่ได้เข้าใจแค่ภาษา แต่ "มองเห็นภาพ" ได้อีกด้วย!

รู้จัก Visual Foundation Models เมื่อ AI ไม่ได้เข้าใจแค่ภาษา แต่ "มองเห็นภาพ" ได้อีกด้วย!

ในยุคที่ AI ไม่ได้แค่เข้าใจข้อความ แต่สามารถ "เข้าใจภาพ" ได้อย่างชาญฉลาด กับความสามารถที่เรียกว่า Visual Foundation Models (VFMs) ซึ่งกำลังกลายมาเป็นหัวใจสำคัญ…
pin
9 | 22/08/2025
“Prompt Engineering” คืออะไร? ทำไมใคร ๆ ก็พูดถึงกัน ในยุคที่ AI กำลังมาแรง !??

“Prompt Engineering” คืออะไร? ทำไมใคร ๆ ก็พูดถึงกัน ในยุคที่ AI กำลังมาแรง !??

ถ้าเปรียบการใช้งาน AI อย่าง ChatGPT, Gemini, หรือ Claude กับการขับรถยนต์ล้ำสมัย ในการ “ขับเคลื่อน” เหล่าโมเดลอัจฉริยะเหล่านี้ให้ไปถึงเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ…
pin
21 | 18/07/2025
จับตา !! เมื่อ Agentic AI อาจกลายมาเป็นเครื่องมือ ที่หลายธุรกิจขาดไปไม่ได้ !??

จับตา !! เมื่อ Agentic AI อาจกลายมาเป็นเครื่องมือ ที่หลายธุรกิจขาดไปไม่ได้ !??

Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2028 แอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ขององค์กรกว่า 33% จะฝัง Agentic AI เข้ามาช่วยทำงาน จากในปี 2024 ที่ยังมีการนำมาใช้ไม่ถึง…
pin
35 | 20/06/2025
กลยุทธ์แบบ Inside-out หรือ Outside-in แบบไหนเหมาะกับบริษัทมากกว่ากัน?