บรรยากาศการค้าของโลกดูเหมือนจะเริ่มมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
จากท่าทีของอังกฤษที่จะออกจากยุโรปโดยมีข้อตกลง (deal Brexit) ที่ทีมเจรจาของฝ่ายสหราชอาณาจักรและอียูได้เห็นชอบความตกลง
‘The Withdrawal Agreement’ แม้พรรค
Democratic Unionist Party (DUP) ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
ได้คัดค้านการสนับสนุนความตกลงดังกล่าว สาระสำคัญส่วนใหญ่ของความตกลง The
Withdrawal Agreement ยังคงเดิมเมื่อครั้งมีการเจรจา ภายใต้รัฐบาลของนางเทเรซา
เมย์ ได้แก่
1.สหราชอาณาจักรยังคงผูกพันภายใต้กฎระเบียบของอียู
จนกระทั่งถึง ปลายปี
2563 และอาจมีความเป็นไปได้ที่จะขยายเวลาเพิ่มขึ้น
เพื่อให้มีระยะเวลาในการปรับตัวของภาคธุรกิจ
2.สหราชอาณาจักรจะยังคงชำระเงิน
33 พันล้านปอนด์ให้แก่อียู
(divorce bill)
3.การให้หลักประกันสิทธิ ของพลเมืองชาวอียูที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรและพลเมืองชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ในอียู
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ประเด็นสำคัญของความตกลงที่มีการแก้ไข
- ไอร์แลนด์เหนือยังคงอยู่ภายใต้กฎระเบียบตลาดร่วมของอียู
- ประเด็น backstop
ซึ่งเป็นข้อกังวลของสหราชอาณาจักร
ได้ถูกตัดออกจากความตกลง The Withdrawal Agreement
- ไอร์แลนด์เหนือยังคงเป็นจุดผ่านแดนในการเข้าสู่
EU’s customs zone โดยสหราชอาณาจักร จะไม่มีการเก็บภาษีต่อสินค้าที่ส่งออกไปยังไอร์แลนด์เหนือ
ยกเว้นสินค้าดังกล่าวมีจุดหมายปลายทางอื่นที่ใช้ ไอร์แลนด์เหนือเพื่อการขนส่งข้ามพรมแดน
- คณะกรรมาธิการร่วมระหว่างอียูและสหราชอาณาจักร
(a joint EU/UK committee) จะเป็นผู้กำหนดว่าสินค้าใดมีความเสี่ยงในการเข้าสู่ตลาดอียูและสหราชอาณาจักร
และสหราอาณาจักรจะดำเนินการ เก็บภาษีแทนอียูในกรณีสินค้านำเข้ามายังอียูโดยผ่านสหราชอาณาจักร
- The Northern Ireland Assembly จะมีการลงมติในทุกๆ 4 ปี
เพื่อตัดสินใจว่าจะยังคงใช้ระบบการบริหารศุลกากรรูปแบบใหม่หรือไม่
โดยใช้ระบบเสียงส่วนใหญ่
นอกจากนี้
สหราชอาณาจักรและอียูได้ทบทวนและปรับปรุงร่างถ้อยแถลงทางการเมือง (Political
Declaration) ซึ่งสรุปได้ดังนี้
- การจัดทำความตกลงการค้าเสรี
- การจัดทำความตกลงการค้าบริการที่มีการเปิดตลาดในระดับสูงกว่าข้อตกลง
WTO
- การยอมรับความเท่าเทียมสำหรับบริษัทที่ให้บริการด้านการเงิน
- การเคลื่อนย้ายเงินทุนโดยเสรี
- การยกเว้นการตรวจลงตราวีซ่าสำหรับการเดินทางพำนักในระยะสั้น
- การส่งเสริมการแข่งขันที่เท่าเทียมกันในประเด็นต่างๆ ได้แก่ มาตรฐาน การแข่งขัน สวัสดิการ ภาษี และสิ่งแวดล้อม
Brexit อลหม่านอีกรอบ
จับตาอียูขยายเวลาหรือไม่ ?
ท่านที่ติดตามข่าวนี้มาจะรู้สึกว่ารอบนี้คงจบแล้ว
และอังกฤษได้ออกจากอียูตามเงื่อนไขนี้ แต่ดูเหมือนความอลหม่านยังไม่จบ เพราะข้อตกลง
The Withdrawal Agreement จะต้องผ่านความเห็นชอบจากทั้งรัฐสภาอังกฤษ และสหภาพยุโรป
โดยนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้เสนอรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบความตกลงดังกล่าว
ในวันที่ 19 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งคือการพิจารณาแปรญัตติไปทีละมาตราทั้งฉบับ
อันเป็นการเปิดโอกาสให้เหล่าสมาชิกสภา
หยิบข้อตกลงใหม่ที่นายกฯไปทำไว้กับอียูเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมาอภิปราย
รวมทั้งอาจมีความเป็นไปได้ที่จะแก้ไขเพิ่มเติม
ถือเป็นครั้งแรกที่รัฐสภาส่งสัญญาณสนับสนุนข้อตกลงสำหรับการถอนอังกฤษออกจากอียูไม่ว่าจะเป็นร่างไหนก็ตามที
แม้ว่ามันยังอยู่ในขั้นต้นๆของกระบวนการทางกฎหมายก็ตาม
ทว่าสภากลับไม่พิจารณา !!! …
แต่หันไปผ่านข้อแก้ไขกฎหมาย ซึ่งบังคับให้รัฐบาลต้องเสนอร่างกฎหมายการปฏิบัติตามข้อตกลง Brexit
มาให้สภาพิจารณาผ่านออกเป็นกฎหมายบังคับใช้เสียก่อน และรัฐบาลจึงเสนอร่างกฎหมายนี้ในวันที
22 ตุลาคม ที่ผ่านมา และถึงแม้สภารับร่างกฎหมายดังกล่าวในวาระ 1 แต่เมื่อรัฐบาลเสนอญัตติกำหนดกรอบเวลาให้สภาสามัญชนพิจารณาและผ่านร่างกฎหมายนี้ภายในเวลา
3 วัน ซึ่งต้องพิจารณาในวันที่ 25 ตุลาคม
โดยอ้างเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องบรรลุเป้าหมายให้สามารถถอนตัวจากอียูภายในวันที่
31 ตุลาคม ตามที่จอห์นสันประกาศคำมั่นไว้
ปรากฏว่าสมาชิกสภาลงมติ 322 ต่อ 308 เสียง
ไม่เห็นชอบญัตติดังกล่าว
ผลการลงมติเช่นนี้
บ่งชี้ว่าอังกฤษจะไม่สามารถแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้อย่างแน่นอน
ที่น่าจับตาคือ อียูจะอนุมัติขยายเส้นตาย Brexit ออกไป
เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้อังกฤษแยกตัวจากอียูโดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal
Brexit) หรือไม่
หรือสุดท้ายจะแยกย้ายกันแบบไม่มีเงื่อนไข
อ้างอิง : EIU, Bloomberg, BBC News