กระบือ หรือ ควาย สมัยก่อนเกษตรกรส่วนใหญ่เลี้ยงไว้เพื่อทำไร่ไถนา
แต่ปัจจุบันควายเหล็กเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการเกษตรของไทยแทน ส่งผลทำให้ควายไทยใกล้สูญพันธุ์
เพราะเกษตรกรไม่นิยมเลี้ยงไว้ใช้งานเหมือนในอดีต ซึ่งเมื่อหลายศตวรรษประเทศไทยเคยได้รับยกย่องว่ามีควายมากที่สุดในโลก
ขณะที่ปัจจุบัน ประชากรควายในประเทศไทยคงหลงเหลืออยู่ไม่ถึง
1 ล้านตัว แต่ที่เกษตรกรปัจจุบันเลี้ยงไว้ส่วนใหญ่เพื่อเชิงพาณิชย์ส่งขายทั้งในและต่างประเทศ
ทว่าที่แท้จริงแล้วแม่พันธุ์ควายไทยเองก็สามารถให้นม เช่น เดียวกับแม่วัวพันธุ์ทั่วไป
ที่สำคัญนมควายกลับให้โภชนาการสูง ทั้งแคลเซียมและไขมันที่ดีกว่านมวัวด้วยซ้ำ
โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ได้ทำการวิจัยและการันตีคุณภาพนมควายนั้น มีคุณค่าคับแก้วมากกว่านมวัวจริง แต่ชาวไทยไม่ค่อยเป็นที่รู้จักหรือนิยมบริโภคเหมือนนมวัวที่ขายดาษดื่นทุกร้านค้าทั่วประเทศ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
อย่างไรก็ตามปัจจุบันนมควายพาสเจอร์ไรซ์ออกมาจำหน่ายตามท้องตลาดให้ผู้บริโภคชาวไทยได้ดื่มกันแล้ว เช่น คุณพรหมพิริยะ สอนศิริ เจ้าของ “สอนศิริฟาร์มควายไทย”ตั้งอยู่ที่เลขที่66/1 ม.2 ต.บางยาง อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี บนเนื้อที่กว่า 300 ไร่ ซึ่งเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ซึ่งเป็นฟาร์มเลี้ยงควายไทยพันธุ์พื้นเมืองระบบปิด เลี้ยงในโรงเรือนแบบประณีต คุณภาพสูง ถือเป็นฟาร์มเลี้ยงควายรายแรกของประเทศไทยครบวงจรและได้มาตรฐานมากที่สุด มีควายทั้งสิ้นกว่า 300 ตัว ส่วนใหญ่เป็นควายเพศเมีย ส่วนพ่อพันธุ์มี 2 ตัว และลูกควายอีกกว่า 60 ตัว
จุดกำเนิด “สอนศิริ”ฟาร์มควายไทย
อดีตก่อนหน้านี้ คุณพรหมพิริยะ เคยยึดอาชีพเพาะเลี้ยงและจำหน่ายพันธุ์วัว
แต่ราคาซื้อถูกมากสวนทางกับต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ต้องควักเงินจำนวนมาก เพื่อเลี้ยงวัวให้ได้มาตรฐานสากล
ด้วยความผิดหวังจึงหันไปลองทำ “สอนสิริ ฟาร์มควายไทย” เพราะต้องการสร้างความแปลกใหม่
และบุกเบิกการทำตลาดนมควายที่ไม่มีคู่แข่งมาแย่งส่วนแบ่งตลาด จึงเป็นจุดเริ่มต้นการสร้างฟาร์มดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ
6 ปีที่ผ่านมา
ถือว่าเป็นจุดเริ่มและต้นแบบเลี้ยงควายในโรงเรือนแบบประณีต
เน้นความสะอาดถูกหลักอนามัย ไม่มีกลิ่นเหม็น แยกคอกออกมาชัดเจน พ่อ แม่ ลูก
ควายขุน ในแต่ละคอกมีถังน้ำดื่ม ช่องใส่อาหาร มีที่นอนฟองน้ำปูรองป้องกันความเป็นแผลจากการคุกเขาเวลาลุกยืน
ติดตั้งระบบพ่นน้ำทั่วโรงเรียนเพื่อช่วยคลายความร้อน
และลดความเครียดให้ควายไปในตัว
ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าเป็นการเลี้ยงควายรูปแบบปิดที่ได้มาตรฐานแห่งแรกในประเทศไทย
ที่ประณีตมากที่สุดผ่านการรับรองโดยกรมปศุสัตว์
“เมื่อปี 2557 ผมตัดสินใจสร้างฟาร์มขยายควายไทยพันธ์พื้นเมืองไทยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ที่เลือกควายไทย เพราะควายไทยทนต่อโรคและสภาพภูมิอากาศร้อนชื้น อีกทั้งกินง่าย กินอาหารหยาบ โดยเฉพาะหญ้ากินได้ทุกชนิด แต่ขอเพียงมีแหล่งน้ำให้เขาได้ลงเล่นผ่อนคลาย ที่สำคัญควายไทยไม่ต้องเลี้ยงขุน โดยตามธรรมชาติรูปร่างและโครงสร้างสูง และตัวใหญ่อยู่แล้ว หากได้พ่อแม่พันธุ์ที่ดีในการผสมพันธุ์ยิ่งทำให้กลายเป็นควายไทยพันธุ์ยักษ์ชั้นเลิศ ซึ่งแหล่งที่ค้นพบควายไทยพันธุ์ยักษ์คุณภาพเยี่ยมใน 4 จังหวัด คือ อุบลราชธานี อุทัยธานี อุดรธานี และชลบุรี หากส่งจำหน่ายจะได้ราคาเริ่มต้นหลายแสนบาทไปจนถึงหลักล้านบาทเลยทีเดียว”
นมควายแบบพาสเจอร์ไรส์บรรจุขวด
คุณพรหมพิริยะ พลิกทัศนคติผู้บริโภคชาวไทยให้หันมาบริโภคนมควายพาสเจอร์ไรซ์
ชนิดขวด และนมควาย แบบผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ "สยามบัฟมิลก์" (SIAM BUFFMILK) โดยสามารถส่งจำหน่ายนมควายพาสเจอร์ไซร์ชนิดขวด(ราคา
55 บาท) ผ่านตัวแทนจำหน่ายแก่ร้านค้าตัวแทน
และพ่อค้ารับซื้อทั่วไปทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
โดยการรีดนมควายมีขั้นตอนง่ายๆ
และเป็นธรรมชาติ โดยคัดเลือกแม่ควายสาวที่คลอดลูกได้ 1 เดือน จะทำการรีดน้ำนมโดยมีขั้นตอนดังนี้
กลางคืนจะให้ลูกควายกินนมแม่ตามปกติ
ส่วนช่วงเวลาก่อนเวลา 08:00น.จะแยกแม่ลูกออกจากกันเพื่อมารีดน้ำนมที่โรงรีด
จะต้องนำควายมาอาบน้ำและฟอกสบู่ให้สะอาดแล้วทำการเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นเพื่อกระตุ้นให้ควายมีน้ำนม
จากนั้นก็ทำการบีบน้ำนมทิ้งก่อนเพื่อเป็นการล้างน้ำนมที่ตกค้างอยู่ในเต้านม
ต่อจากนั้นใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดก่อนนำเครื่องรีดนมมาทำการรีดน้ำนมควาย
ซึ่งในการรีดน้ำนมควายแต่ละครั้งแต่ละตัวไม่เกิน 5 นาที จะได้น้ำนมประมาณ 3-5
กิโลกรัม เท่านั้น
โดยในแต่ละวันจะรีดนมถึง 2 เวลา คือเช้า – เย็น หลังจากรีดน้ำนมเสร็จแล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นนมสดพาสเจอร์ไรส์
แล้วบรรจุในขวดแก้วเพื่อส่งขายต่อไป
ปัจจุบันถือว่าเป็นรายหลักของฟาร์ม ซึ่งยังไม่รวมการแปรรูปและต่อยอดตลาดผลิตภัณฑ์จากนมควายได้หลากหลาย ซึ่งปัจจุบันนมควายแพ็คเกจจิ้ง เช่น ผลิตภัณฑ์โยเกิร์ต, มอซซาเรลลาซีส และไอศรีมนมควาย ฯลฯ ส่งจำหน่ายสามารถสร้างรายได้อีกไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาทต่อวัน
ต่อยอดเพาะพันธุ์ลูกควายชั้นดีขาย
ปัจจุบันรัฐบาลพยายามผลักดันให้เกษตรกรไทย
หันมาเลี้ยงควายเป็นสัตว์เศรษฐกิจเหมือนในอดีตที่เคยรุ่งเรือง นอกจากเลี้ยงง่าย
ทดทานแล้ว ราคายังไม่ตกต่ำเหมือนสัตว์เศรษฐกิจตัวอื่นๆ ซึ่งคุณพรหมพิริยะ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากมีรายได้แน่นอน ทั้งจากรีดนมควายผ่านพาสเจอร์ไรซ์แล้วยังนำไปแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่างๆ
แล้วยังขายเป็นตัวให้กับพ่อค้าคนกลางก็ได้ หรือ หากเพาะพันธุ์ลูกควายขายยิ่งดี
โดยปัจจุบัน "สอนศิริฟาร์มควายไทย"
เองก็ได้ทำการเพาะพันธุ์ลูกควายไทยพันธุ์พื้นเมือง ส่งจำหน่ายแก่พ่อค้ารับซื้อและเกษตรกรที่สนใจ
โดยธรรมชาติของควายระยะเวลาตั้งท้อง 11 เดือน หลังจากคลอดออกมา ซึ่งลูกควาย 1 ตัว
หากได้รับการเลี้ยงดูแลเป็นอย่างดี มีน้ำหนักประมาณ 1 ตัน
จะมีราคาซื้อขายเฉลี่ยตัวละ 80,000-300,000 บาทเลยทีเดียว
ทุกวันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไม่หยุด ผู้บริโภคต้องการบริโภคอาหารที่ดี มีคุณภาพ มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะฉะนั้นเกษตรกรอย่ารอคอยแต่โอกาส หรือการช่วยเหลือจากภาครัฐแต่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องวิ่งเข้าหาโอกาส ที่สำคัญต้องแสวงหาพ่อแม่พันธุ์ดีๆ เข้าไปปรับปรุงสายพันธุ์ให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เลี้ยงควายให้ตัวใหญ่ขึ้น ส่งขายรายได้ราคางามเพราะตรงความต้องการของตลาด