หลังจากที่ประเทศไทยได้สั่งมาตรการ Lockdown ประเทศ และมีการรณรงค์ให้เกิด Social
Distance ขึ้น ทำให้หลายๆ ธุรกิจนั้นต้องหยุดชะงักลง และไม่สามารถสร้างรายได้อีกต่อไป
ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีธุรกิจมากมายล้มหายไปท่ามกลางมรสุมครั้งนี้
โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่สายป่านไม่ยาว
และไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับวิถีการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ได้
ซึ่ง ณ ปัจจุบันประเทศไทยได้ปลด Lockdown เป็นที่เรียบร้อยแล้วในหลายๆ ธุรกิจ หลังจากสถานการณ์ของโควิด-19
ได้ดีขึ้น จนทำให้บริษัทต่างๆ สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
คัมภีร์การตลาดบอกว่า ควรวิเคราะห์คู่แข่งอยู่เสมอ ...ลูกค้าก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นเชื่อได้เลยว่าโควิด-19 ทำให้หลายๆ อย่างหลังจากนี้เปลี่ยน ผู้บริโภคเปลี่ยน และธุรกิจก็ต้องเปลี่ยน และคำถามที่ทุกธุรกิจต้องหาคำตอบคือ ‘มีอะไรบ้างที่เปลี่ยนไป!’ เพื่อจะได้รู้ว่าจะปรับตัวอย่างไร
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังธุรกิจต่างๆ กลับมาทำงานได้ตามปกติ
จากการวิเคราะห์ของ David Barrett CEO และผู้ก่อตั้ง Expensify มองว่า แม้จะผ่านช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนักไปได้แล้ว
แต่ธุรกิจต่างๆ มากมายก็ยังคงรับผลกระทบนั้นไปอีกนาน อย่างน้อยๆ ก็จนถึงไตรมาสที่ 4
ของปีนี้ หรืออาจถึงต้นปี 2564 เลยก็ว่าได้
ซึ่งสิ่งที่จะเกิดขึ้นที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด
คือการเข้ามาของเทคโนโลยีที่จะต้องนำมาปรับใช้กับทุกอุตสาหกรรมข้างต้น
หรือต่อให้เป็นธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบก็ยังต้องให้ความสำคัญอยู่ดี
เพียงแต่บริษัทที่ได้รับผลกระทบอาจจะต้องมีการใช้เงินอย่างตระหนักเต็มที่
อาจมีการปลดพนักงานออกบางส่วนเพื่อรักษาสภาพคล่องของบริษัทไว้
รวมถึงพิจารณาการขายกิจการบางส่วนเพื่อความอยู่รอด
ในขณะที่บริษัทที่ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
อาจจะต้องโฟกัสกับธุรกิจที่ต้องทำต่อไป เพียงแต่ต้องประหยัดค่าใช้จ่ายให้มากขึ้น
และมองหาช่องทางใหม่ในการนำเสนอ และเข้าถึงลูกค้าในรูปแบบที่แตกต่างจากเดิมด้วย
New Normal สำหรับธุรกิจกลุ่มเสี่ยงกำลังจะเกิดขึ้น
เมื่อโควิด-19 เริ่มผ่านพ้นไป
ก็ได้มีการคิดค้นคำใหม่ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ขึ้นมา เรียกว่า New
Normal คือพฤติกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นหลังจากโรคระบาดครั้งนี้นั่นเอง
ซึ่งพฤติกรรมตรงนี้จะเป็นตัวชี้นำถึงธุรกิจในอนาคต
และไม่ใช่แค่พฤติกรรมของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ New Normal คือพฤติกรรมการใช้ชีวิตทุกอย่างของมนุษย์ส่วนใหญ่ที่จะเกิดขึ้น
คล้ายเป็นการปรับตัวเพื่ออยู่รอดนั่นเอง
New Normal ที่เห็นได้ชัดเจน
เช่น ธุรกิจร้านตัดผม ธุรกิจร้านนวดสปา หรือธุรกิจบริการต่างๆ
จะมีการจับมือกับพาร์ตเนอร์เพื่อสร้างระบบจองคิวเพิ่มขึ้น ให้ร้านสามารถบริการลูกค้าได้อย่างเต็มที่
ไม่ต้องให้ลูกค้ามารอที่หน้าร้านอีกต่อไป ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ และช่วยประหยัดเวลาให้ผู้บริโภคได้มาใช้บริการแบบไม่ต้องนั่งรอนานอย่างเคย
นอกจากนี้ธุรกิจที่รับผลกระทบมากที่สุดอย่างร้านอาหารนั้น
จากที่แต่ก่อนจะรับลูกค้าที่เข้ามาหน้าร้านอย่างเดียว ก็จะต้องมีการปรับตัวหาลูกค้าจากหลายช่องทางเพิ่มเติม
รวมถึงมีบริการเดลิเวอร์รีที่เข้าถึงลูกค้าได้อย่างหลากหลายยิ่งขึ้น
รวมถึงร้านไหนที่มีบริการนี้อยู่แล้วก็ต้องขยายพื้นที่ให้บริการกว้างขึ้น
เพื่อรองรับลูกค้าที่มากกว่าเดิมนั่นเอง
สุดท้ายธุรกิจต่างๆ อีกมากมายที่สายป่านสั้นก็จะล้มหายตายจากเพราะโควิด-19 นี้อย่างแน่นอน ซึ่งธุรกิจที่จะรอดได้จะต้องมีเงินสดหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เพื่อพยุงระบบธุรกิจให้ดำเนินไปได้จนสุดวิกฤตนี้ อาจเริ่มจากการเปิดช่องทางใหม่ เพื่อดึงกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เข้ามา ผ่านช่องทางที่กำลังได้รับความนิยม และน่าสนใจ เช่น ช่องทาง E-Market Place ของมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่จะสร้างกลุ่มขึ้นมา เช่น “KU จะฝากร้าน” ที่ช่วยให้คนขายเจอกับคนซื้อโดยตรง แบบไม่ต้องผ่านการเสียเงินโปรโมทแต่อย่างใด และทุกคนพร้อมจะอุดหนุนช่วยเหลือกันจากความเป็นมหาวิทยาลัยเดียวกันนั่นเอง
ศึกษาจากรุ่นพี่ หลังโควิด-19 จบ
ธุรกิจจากจีนมีการปรับตัวยังไงบ้าง
เนื่องจากประเทศจีนเป็นประเทศแรกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และปัจจุบันได้รักษาเยียวยาจนเกือบจะหายขาดปลอดภัยสำหรับการทำธุรกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งจากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเขานั้น
ทำให้เราสามารถศึกษารูปแบบการทำธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้เช่นกันว่า แบรนด์ทั้งหลายต้องปรับตัวยังไง
เมื่อมาตรการปิดเมืองจบลง
ซึ่งกว่า 95% ของบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศจีนหลังจบ Lockdown
ก็ได้มีการกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง ซึ่งแบรนด์ต่างๆ
เองยังคงต้องทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นที่สนใจอยู่เสมอ
ทั้งช่วงที่กำลัง Lockdown และช่วงหลังจากนั้นด้วยเช่นกัน
เพราะเมื่อไหร่ที่ผู้บริโภคพร้อมจะใช้จ่ายอีกครั้ง แบรนด์เหล่านี้จะได้รับความสนใจเป็นอันดับหนึ่งแน่นอน
แต่สิ่งหนึ่งที่นักวิเคราะห์ต่างๆ
ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะล้มหาย และได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างไม่ต้องสงสัย
นั่นคือธุรกิจเรือสำราญ เพราะเนื่องจากช่วงโควิดระบาด
ทุกอย่างได้ชี้ชัดถึงความไม่ปลอดภัยของการล่องเรือท่ามกลางทะเลที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่สูงมากของการท่องเที่ยวในรูปแบบดังกล่าว
จึงเป็นหนึ่งในธุรกิจที่น่าจับตาว่าจะมีความเป็นไปอย่างไร
และจะสามารถฟื้นกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งได้หรือไม่
หลังจากทุกอย่างเข้าที่แบบที่ควรจะเป็น
ไว้ตอนต่อไปจะหยิบยกกรณีการปรับตัวของภาคธุรกิจต่างๆ มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ประกอบการที่พยายามมองหาแนวทางใหม่สำหรับธุรกิจ