แม้ตัวเลข FDI (การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ)
ของจีน ยังแสดงให้เห็นว่าการลงทุนจากต่างชาติยังแข็งแกร่ง โดยในช่วง 8
เดือนแรกของปี 2562 มูลค่า FDI ของจีนอยู่ที่ 604,000
ล้านหยวน หรือ 85,360 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 6.9
มีบริษัททุนต่างชาติที่ลงทุนในจีนรวม 27,704 แห่ง ในขณะที่ FDI โลกลดลงติดต่อกันเป็นปีที่
3 โดยในปี 2561 FDI โลกลดลงร้อยละ 13
แต่ภายใต้การกระตุ้นเศรษฐกิจจากภายในจีนยังคงเดินหน้าผลักดันนโยบายกระตุ้นลงทุนจากจากชาติ
และดูเหมือนว่ารอบนี้ โอกาสจะเปิดกว้างมากขึ้นสำหรับทุนต่างชาติ
โดยเมื่อวันที่ 7 พ. ย. 2562 ครม. จีนได้ประกาศ 20 มาตรการเพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ โดยมาตรการฯแบ่งเป็น 4 ด้านหลักสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. ด้านการขยายการเปิดประเทศ
- ปรับลดรายการข้อจำกัดและข้อห้ามสำหรับต่างชาติลงทุนในจีน
(negative list) และยกเลิกมาตรการจำกัดทั้งหมดที่ไม่ได้อยู่ใน negative
list
- เร่งเปิดภาคการเงินให้ต่างชาติลงทุน โดยจะยกเลิกข้อจำกัดด้านขอบเขตการประกอบธุรกิจการเงิน
และปริมาณสินทรัพย์เพื่อเปิดสาขาธนาคารในจีนของธนาคารทุนต่างชาติ
- ปรับปรุงนโยบายให้รถยนต์พลังงานใหม่ที่ผลิตโดยบริษัททุนต่างชาติ สามารถเข้าถึงตลาดอย่างเท่าเทียมกันกับบริษัทจีน
- สร้างสิ่งแวดล้อมในการประกอบธุรกิจให้เป็นธรรม โดยห้ามกำหนดเงื่อนไขพิเศษสำหรับบริษัททุนต่างชาติในการรับรองสินค้าหรือการรับรองคุณสมบัติของบริษัท
2. ด้านการส่งเสริมการลงทุน
- ส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติในธุรกิจเทคโนโลยีชั้นสูงมากยิ่งขึ้น
- ยกระดับการพัฒนาเขตทดลองการค้าเสรีในจีน โดยจะมอบอำนาจในการอนุมัติการลงทุนให้หน่วยงานระดับมณฑลมากยิ่งขึ้น
- ยกระดับคุณภาพแพลตฟอร์มที่จะดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ
เช่น เขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีระดับชาติรวมทั้งจัดตั้งเขตสินค้าทัณฑ์บน (Bonded
Warehouse) ในภาคกลางและภาคตะวันตกของจีน
- สนับสนุนการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติของรัฐบาลท้องถิ่น
เช่น สนับสนุนงบประมาณ และการจัดกิจกรรมการดึงดูดการลงทุนที่ต่างประเทศ
3. ด้านการเพิ่มอำนวยความสะดวกในการลงทุน
- ลดต้นทุนในการใช้เงินทุนข้ามพรมแดน โดยสนับสนุนบริษัททุนต่างชาติให้ใช้เงินหยวนในการชำระเงินข้ามพรมแดนรวมทั้งสนับสนุนบริษัททุนต่างชาติ
เลือกรูปแบบกู้ยืมเงินทุนด้วยตนเองเพื่อลดต้นทุนในการจัดหาเงินทุน
- เพิ่มความสะดวกแก่ชาวต่างชาติที่ทำงานในจีน เช่นปรับลดขั้นตอนการขอใบอนุญาตทำงาน
(Work permit) ของชาวต่างชาติและสำหรับชาวต่างชาติที่เคยขอ work permit ติดต่อกันสองครั้งแล้วในการขอ work
permit ครั้งที่สามจะได้รับ work permit ที่มีอายุ
5 ปี
- ลดขั้นตอนการขออนุมัติใช้ที่ดินสำหรับโครงการของนักลงทุนต่างชาติ
4. ด้านการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของนักลงทุนต่างชาติ
- จีนจะปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการลงทุนจากต่างชาติ
(Foreign Investment Law: FIL) อย่างเคร่งครัดรวมทั้งเร่งจัดทำกฎระเบียบอย่างละเอียดที่ใช้ควบคู่กับ
Foreign Investment Law คาดว่าจะออกภายในสิ้นปี 2562
- ห้ามหน่วยงานภาครัฐท้องถิ่นปรับเปลี่ยนขอบเขต ขั้นตอน และมาตรฐานในการขออนุมัติต่าง
ๆ ของนักลงทุนต่างชาติ
- ห้ามหน่วยงานภาครัฐหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐจีน บังคับให้นักลงทุนต่างชาติหรือบริษัททุนต่างชาติถ่ายโอนเทคโนโลยีทั้งทางตรงและทางอ้อม
- จัดตั้งกลไกการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและการลงโทษร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐต่าง
ๆ สำหรับบริษัทที่กระทำผิดด้านทรัพย์สินทางปัญญา
- บริษัททุนต่างชาติสามารถเข้าร่วมการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐอย่างเท่าเทียมกัน
และสนับสนุนบริษัททุนต่างชาติเข้าร่วมการกำหนดมาตรฐานของจีน เช่นมาตรฐานด้านอุปกรณ์การแพทย์อาหารและยาเป็นต้น
- ในการจัดทำและประกาศใช้กฎระเบียบใหม่ ๆ ของหน่วยงานและพื้นที่ต่าง ๆ ของจีนควรให้ระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อบริษัททุนต่างชาติจะได้เตรียมตัวพร้อมสำหรับกฎระเบียบใหม่ ๆ
ทั้งนี้ มูลค่าการลงทุนในต่างประเทศที่ไม่ใช่ทางการเงินของจีน
(non-financial ODI) อยู่ที่
493,090 ล้านหยวน หรือประมาณ 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7
โดยจีนได้ลงทุนใน 159 ประเทศและภูมิภาค ในช่วงเวลาดังกล่าว บริษัทจีนได้ลงทุนใหม่
53 ประเทศตามเส้นทางในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) โดยมีมูลค่าการลงทุนรวม
8,970 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 12.4 ของ ODI จีนทั้งหมด
โครงสร้างการลงทุนในต่างประเทศของจีนเน้นที่ภาคบริการธุรกิจและการให้เช่า
ภาคการผลิต การค้าปลีกและการค้าส่ง เป็นต้น
เห็นได้ชัดว่าจีนไม่ได้มองสถานการณ์เฉพาะหน้า
เพราะแม้ว่า GDP ปีนี้จะเติบโต
แต่เมื่อดูภาพรวมทั้งปี
กลับส่อเค้าไปในทางชะลอตัวซึ่งเป็นผลพวงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า
และการปรับลดค่าเงินหยวน ดังนั้นการกระจายการลงทุนในต่างประเทศ
ขณะเดียวกันปรับลดท่ามีที่ ‘เป็นมิตร’
ต่อภาคการลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นก็แสดงให้เห็นชัดว่าจีนกำลังเร่งสร้างสมดุลเศรษฐกิจ
ทั้งประมาณการณ์แล้วว่าสงครามการค้าคงยืดเยื้ออีกหลายปี และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คงชนะการเลือกตั้งอีกสมัย