จีนหนุน ‘ไฮโดรเจน’ พลังงานแห่งอนาคต ลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์โตเกียว
2020 ที่เพิ่งจบไปเมื่อเดือนที่แล้วก็คือ ช่วงพิธีเปิดและพิธีปิดนั่นก็คือพิธีจุดคบเพลิง
ซึ่งในปีนี้ถือเป็นครั้งแรกของกีฬาโอลิมปิกที่ได้นำ ‘พลังงานไฮโดรเจน’
มาใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับกระถางคบเพลิง จุดประกายให้ผู้คนจากทั่วโลกสนใจกับพลังงานทางเลือกเพื่ออนาคตมากขึ้น
โดยประเทศจีนเองก็ได้มีการค้นคว้าวิจัยแหล่งพลังงานสะอาดใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงพลังงานไฮโดรเจนเพื่อเป็นพลังงานทางเลือกในการลดการพึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล และเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านคาร์บอน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี
ฉบับที่ 14 (ปี 2021-2025) จีนจัดให้อุตสาหกรรมไฮโดรเจนเป็น 1 ใน 6
อุตสาหกรรมแห่งอนาคต สะท้อนถึงการให้ความสำคัญในอุตสาหกรรมนี้ของแดนมังกร
ในขณะเดียวกันยังมีการส่งเสริมการพัฒนาของอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานไฮโดรเจน หรือยานยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง
(Fuel
Cell Electric Vehicle หรือ FCEV)
ควบคู่ไปด้วย
อย่างไรก็ดี
การเติบโตของอุตสาหกรรมพลังงานไฮโดรเจนของจีนและประเทศอื่นๆ ในโลกยังคงมีจำกัด เนื่องจากอุปสรรคหลายประการ
เช่น การผลิตก๊าซไฮโดรเจนมีต้นทุนสูง โดยนักวิจัยจากคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน
(NDRC)
เปิดเผยว่า
ในปัจจุบันการผลิตก๊าซไฮโดรเจนสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงของรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนมีต้นทุนประมาณ
70 หยวนต่อกิโลกรัม
ซึ่งหากต้องการให้รถยนต์พลังงานไฮโดรเจนสามารถแข่งขันในเชิงพาณิชย์กับรถยนต์พลังงานฟอสซิล
ต้นทุนนี้ควรจะลดลงมาอยู่ที่ต่ำกว่า 40 หยวนต่อกิโลกรัม
นอกจากนี้
ยังต้องคำนึงถึงต้นทุนของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงอุปสรรคทางด้านต้นทุนและความยากลำบากในการเก็บรักษา
และการขนส่งก๊าซไฮโดรเจนซึ่งมีสมบัติทางเคมีระเบิดได้ง่าย
ขณะที่พลังงานไฮโดรเจนของจีนส่วนใหญ่ยังคงเป็น
‘พลังงานไฮโดรเจนสีเทา’
ซึ่งผลิตขึ้นโดยใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเช่น ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
และอาจไม่สามารถช่วยให้จีนบรรลุเป้าหมายด้านคาร์บอนที่วางไว้ได้
ดังนั้นจีนจะต้องเร่งผลิต ‘พลังงานไฮโดรเจนสีเขียว’ ผลิตขึ้นโดยใช้กระแสไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานสะอาด
เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานน้ำ โดยบริษัทด้านการลงทุนไชน่า
อินเตอร์เนชั่นแนล แคปิตอล คอร์ป (CICC) เผยว่า
เพื่อให้จีนสามารถบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutral ในปี 2603
ร้อยละ 8 ของพลังงานที่ใช้ในจีนทั้งหมดจะต้องมาจากพลังงานไฮโดรเจนสีเขียว
โดย CICC คาดว่าต้นทุนการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวของจีนจะลดลงต่ำกว่าต้นทุนการผลิตพลังงานไฮโดรเจนจากเชื้อเพลิงถ่านหินได้ภายในปี
2583 ทั้งนี้
จีนวางแผนที่จะใช้พลังงานไฮโดรเจนในอุตสาหกรรมที่อาจลดการปล่อยคาร์บอนได้ยาก เช่น
อุตสาหกรรมเหล็กกล้า เคมีภัณฑ์ ก่อสร้าง และขนส่ง
แม้ว่าในปัจจุบันจีนยังไม่มีการประกาศแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมไฮโดรเจนในระดับประเทศ
แต่ในกว่า 10 มณฑลและ 40
เมืองมีการวางแผนพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานไฮโดรเจนในระดับท้องถิ่นแล้ว เช่น
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564
สำนักงานอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของกรุงปักกิ่ง ประกาศแผนการดำเนินการเพื่อการพัฒนาของอุตสาหกรรมพลังงานไฮโดรเจนของกรุงปักกิ่ง
(2564-2568) โดยตั้งเป้าว่าภายในปี 2568
1. อุตสาหกรรมพลังงานไฮโดรเจนของเขตเศรษฐกิจกรุงปักกิ่ง-นครเทียนจิน-มณฑลเหอเป่ย (จิง-จิน-จี้)
จะมีมูลค่ารวมกว่า 1 แสนล้านหยวน และจะสามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ 2 ล้านตัน
ในช่วงเวลา 5 ปี
2. จะต้องมีการพัฒนาองค์กรในอุตสาหกรรมพลังงานไฮโดรเจนจำนวน
10-15 แห่งให้เป็นองค์กรชั้นนำและมีอิทธิพลในระดับนานาชาติ
3.
จะมีการสร้างศูนย์การวิจัยและพัฒนาพลังงานไฮโดรเจนระดับโลกจำนวน 3-4 แห่ง
4.
จะมีการใช้รถยนต์พลังงานไฮโดรเจนมากกว่า 10,000 คัน
กระทรวงการคลังจีน กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีน
(MIIT)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ได้ประกาศรายชื่อเมือง/มณฑลที่ได้รับการอนุมัติให้สาธิตรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนชุดแรก
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้แก่
1.
กลุ่มเมืองในเขตกรุงปักกิ่ง-นครเทียนจิน-มณฑลเหอเป่ย (จิง-จิน-จี้)
2.
นครเซี่ยงไฮ้
3.
มณฑลกวางตุ้ง
โดยเมือง/มณฑลดังกล่าวจะได้รับเงินรางวัล
หากสามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนารถยนต์พลังงานไฮโดรเจนในช่วงเวลา 4 ปี
โดยข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีน (CAAM) ชี้ว่า
ในช่วงเดือน มกราคม-กรกฏาคม 2564
จีนมีจำนวนการผลิตและการจำหนายรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนอยู่ที่ 664 คันและ 675 คัน
เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.5 และร้อยละ 47.7 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตามลำดับ
ซึ่งสหพันธ์พลังงานไฮโดรเจนจีน (China
Hydrogen Alliance) คาดว่า ในปี 2568 มูลค่าของผลผลิตของอุตสาหกรรมพลังงานไฮโดรเจนจะอยู่ที่
1 ล้านล้านหยวน และในปี 2573 จะมีอุปสงค์ของก๊าซไฮโดรเจนอยู่ที่ 35 ล้านตัน
คิดเป็นสัดส่วนอย่างน้อยร้อยละ 5 ของพลังงานที่ใช้ในจีนทั้งหมด ในขณะเดียวกันสมาคมวิศวกรรมยานยนต์จีน
(China-SAE) คาดการณ์ว่าในปี 2568
จีนจะมีรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนกว่า 1 แสนคัน และจะเติบโตสู่จำนวน 1 ล้านคันภายในปี
2578
จีนเป็นอีกหนึ่งประเทศที่กำลังมุ่งหน้าให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับเทรนด์ของประเทศอื่นๆ
ในโลกที่ต่างกำลังพยายามลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลและปรับมาใช้พลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้น
ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมพลังงานและภาคการผลิตที่เกี่ยวข้อง
ควรคอยติดตามข่าวสารและพิจารณาปรับกลยุทธ์มาเน้นด้านพลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้น
เพื่อคว้าโอกาสทางธุรกิจจากทิศทางการเปลี่ยนแปลงของจีนในอนาคต
แหล่งอ้างอิง :
https://www.caixinglobal.com/2021-06-18