หลังจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ฟาดหางไปกระทบการค้าโลกในปี 2562 ทำให้ซวนเซไปตามตามกัน หลายประเทศที่ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ และจีน ประสบปัญหาออร์เดอร์หดตัว ส่งผลกระทบกระเทือนถึงเศรษฐกิจภายใน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียน ได้ชื่อว่าเป็นประเทศอยู่ในห่วงโซ่ซัพพลายเชนของตลาดหลักนี้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
"สิงคโปร์" หนึ่งในประเทศหลักในอาเซียนที่ได้รับผลพวงจากสงครามการค้า ได้ปรับนโยบายเศรษฐกิจ
ลดบทบาทความสำคัญการค้ากับสหรัฐฯลง และหันเหมาโฟกัสการสานต่อความตกลงกับจีน
ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีแบบทวิภาคี ชื่อ China - Singapore Free Trade Agreement : CSFTA ซึ่งเป็นความตกลงฉบับเก่าที่ได้ลงนามกันไปเมื่อวันที่ 1 มกราคม
2552 หรือเมื่อ
12 ปีก่อน
ความตกลง CSFTA ทำให้มูลค่าการค้าระหว่างจีนและสิงคโปร์ขยายตัวเพิ่มขึ้น
6.6% และทำให้การลงทุนขยายตัวเพิ่มขึ้น
11.9% นับตั้งแต่ปี
2556 จีนกลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์
ขณะเดียวกันสิงคโปร์ก็เป็นนักลงทุนต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดที่เข้าไปลงทุนในจีน
ในปีที่ผ่านมา
สองประเทศมีการค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้น 135,000 ล้านเหรียญสิงคโปร์
และมูลค่าการลงทุนสะสมของสิงค์โปร์ในจีนจนถึงปี 2560 มีมากถึง
140,000 ล้านเหรียญสิงคโปร์
รัฐบาลจีนและสิงคโปร์ตัดสินใจ
"ทบทวน" ความตกลง CSFTA
โดยได้จัดให้มีการลงนามความตกลงระหว่างกันไปเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม
2562 โดย Mr.Heng Swee Keat รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสิงคโปร์ พร้อมด้วย Mr.Han Zheng รองนายกรัฐมนตรีจีน
ได้ลงนามความตกลง CSFTA ฉบับปรับปรุง
ในโอกาสที่เข้าร่วมการประชุมความร่วมมือทวิภาคีครั้งที่ 15 (JCBC) กันไป
สาระสำคัญของความตกลงฉบับปรับปรุงนี้ ได้มีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงด้านการค้าสินค้า และการค้าบริการใหม่ กล่าวคือ ในด้านการค้าจะทำให้
1) การเปลี่ยนแปลงเรื่องกฎระเบียบว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า
ส่งผลให้สินค้าจากสิงคโปร์ที่จะส่งออกไปยังประเทศจีนจะได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ
ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2563
ซึ่งจะส่งผลดีต่อสินค้าของสิงคโปร์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
สินค้ากลุ่ม "ปิโตรเคมี" ซึ่ง ส่งออกไปยังตลาดจีน คิดเป็นสัดส่วน 28% ของการส่งออกทั้งหมดของสิงคโปร์ไปยังจีน
2) การจัดตั้งระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Electronic Origin Data Exchange System (EODES) ระหว่างสิงคโปร์และจีน
ซึ่งระบบนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ช่วยจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ส่งออกสิงคโปร์ไม่ต้องยื่นสำเนาหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าที่ออกโดยกรมศุลกากรสิงคโปร์
3) ความร่วมมือด้านอีคอมเมิร์ช
โดยสองฝ่ายมุ่งจะอำนวยความสะดวกและปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภคด้วย
ขณะที่ด้านการค้าบริการ
กำหนดให้บริษัทกฎหมายของสิงคโปร์ที่ตั้งอยู่ในเขตการค้าเสรีเซี่ยงไฮ้ จะได้รับอนุญาตให้จัดตั้งสมาคมการค้าร่วมกับบริษัททนายของจีน
และสามารถให้บริการทางกฎหมายกับบริษัทจีน และบริษัทต่างชาติที่ตั้งอยู่ในจีนด้วย
หรือบริการด้านการเดินเรือ อนุญาตให้สิงคโปร์จัดตั้งบริษัทที่มีต่างชาติเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนมากกว่าจีน
หรืออาจจะให้บริษัทต่างชาติถือหุ้นทั้งหมด
ในท่าเรือสำคัญของจีนบนพื้นที่เขตการค้าเสรีเซี่ยงไฮ้ กวางตุ้ง เทียนจิน
และฝูเจี้ยน
ด้านการก่อสร้าง
กำหนดให้บริษัทสิงคโปร์ ที่ตั้งอยู่ในเขตการค้าเสรีเซี่ยงไฮ้ พื้นที่อุตสาหกรรมซูโจว
- สิงคโปร์ พื้นที่ SSTEC หรือ Sino-Singapore
Tianjin Eco-City โครงการสาธิตจีนที่ฉงชิ่ง
- สิงคโปร์ ด้านการเชื่อมต่อกลยุทธ์ จะสามารถดำเนินการโครงการก่อสร้างร่วมกันในเซี่ยงไฮ้
ซูโจว เทียนจิน และฉงชิ่ง โดยได้รับการยกเว้นข้อกำหนดการลงทุนของบริษัทต่างชาติของจีน