ที่ผ่านมาจีนได้ดำเนินการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมาตั้งแต่ปี
2496 (1953) รวมทั้งหมด 13 ฉบับแล้ว
โดยแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่ผ่านมาทุกๆ ฉบับจะมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ
จากการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ
ปัจจุบันจีนอยู่ระหว่างจัดแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับใหม่เป็นฉบับที่ 14 ซึ่งจะเริ่มใช้ในปี 2564 แทนฉบับที่ 13 ที่กำลังจะหมดอายุลงในปี 2563 นี้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
หากย้อนกลับไปในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 13 จะเห็นว่า จีนได้มีการพัฒนาเศรษฐกิจ
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้จีนกว่า 100
ล้านหยวน หรือประมาณ 500 ล้านบาท
สามารถสร้างความเป็นอยู่ที่ดีทำให้ประชาชนมีรายได้ต่อหัวถึง 10,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 30,000 บาท
ตามเป้าหมายที่วางไว้
ทว่าในปี 2563 นี้
จีนเป็นประเทศแรกทีเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ส่งผลให้จีนต้องประกาศปิดประเทศ
และพลิกฟื้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ กระทบต่อภาคการผลิตและเศรษฐกิจของจีนในช่วงแรก
แต่หลังจากที่จีนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
การพลิกฟื้นเศรษฐกิจก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว
เห็นได้จากตัวเลขเศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่
3 ที่สามารถขยายตัวได้ถึง 4.9% ในขณะที่ประเทศอื่นๆ
ยังติดลบ ซึ่งทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจจีนสะสม 3 ไตรมาสแรก
(ม.ค.-ก.ย.) 2563 เติบโตเป็นบวก 0.7% โดยเป็นผลจากการบริโภคภายในที่เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก
สะท้อนจากตัวเลขค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคโดยเฉพาะการค้าค้าผ่านช่องทางออนไลน์
เติบโต 9.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยมียอดขายสินค้าออนไลน์ 6,650 ล้านหยวนหรือประมาณ 33,250
ล้านบาท และมีการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพิ่มขึ้น 9.1%
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับใหม่
ที่กำลังจะเกิดขึ้น ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ จากเดิมที่จีนเติบโตอย่างก้าวกระโดด
กระทั่งเกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากโควิด
จึงมีแนวโน้มว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับใหม่จะเน้นการสร้างความเติบโตแบบยั่งยืน
หรือการพัฒนาอย่างสมดุลในเชิงคุณภาพ ในรูปแบบใหม่ที่เรียกกว่า "Dual Circulation"
คำว่า Dual
Circulation หรือการหมุนเวียน 2 ด้าน
ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอย่างจริงจัง เมื่อครั้งการประชุมระดับสูงของคณะกรรมการถาวรด้านการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์ส่วนกลาง
เมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา
โดยได้เน้นเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในประเทศและระหว่างประเทศ
จากการเพิ่มรายได้และความต้องการบริโภคของครัวเรือน
จากการให้ความสำคัญกับกลุ่มชนชั้นกลางในจีนมากขึ้น
เนื่องจากยังมีการวิเคราะห์ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจหลังจากโควิด
19 จะยังคงเปราะบาง ยังมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจสูง
ความขัดแย้งระหว่างจีน-สหรัฐ จะยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะประธานาธิบดีโดนัลด์
ทรัมป์จะพ่ายแพ้ต่อการเลือกตั้งไปแล้วก็ตาม
ด้วยเหตุนี้จีนจึงจำเป็นต้องสร้างความเข้มแข็งทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เพื่อใช้ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและพัฒนาประเทศ
โดยวางเป้าหมายเน้นการเติบโตเชิงคุณภาพในระยะยาวไปถึงปี 2578 แทนการเติบโตเชิงปริมาณในแผนพัฒนาฉบับปัจจุบัน
สำหรับนักธุรกิจไทยที่ถือว่าเป็นหนึ่งในห่วงโซ่การผลิตสินค้าวัตถุดิบ
เพื่อป้อนให้กับตลาดจีน จำเป็นต้องติดตามยุทธศาสตร์ Dual Circulation อย่างใกล้ชิด
เพื่อทำความเข้าใจกับตลาดจีน พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามยุทธศาสตร์นี้