การทำธรกิจในปัจจุบัน
มีการติดต่อหรือทำงานร่วมกับคนต่างชาติเป็นเรื่องปกติ
เป็นรูปแบบการทำงานที่มีหลายวัฒนธรรมที่ต้องมาอยู่ร่วมกันเพื่อเป้าหมายของธุรกิจ
แต่อย่างที่ท่านทราบดีว่าวัฒนธรรมการทำงาน หรือการเจรจาธุรกิจกับต่างชาติ การปฏิสัมพันธ์ของคนแต่ละเชื้อชาติ
ย่อมมีหลายอย่างไม่เหมือนกัน เพราะนอกจากจะต้องอาศัยวัฒนธรรมที่เป็นสากล
แต่บางขณะเราจำเป็นที่จะต้องใสใจในรายละเอียดของวัฒนธรรมของลูกค้า หรือคู่ค้าแต่ละเชื้อชาติ ในที่นี้เรามาเรียนรู้ธรรมเนียมของคนจีน เพราะนับเป็นชาติที่เรามีโอกาสติดต่อร่วมงานกันมากที่สุดในปัจจุบัน และเรามีคำแนะนำที่คุณต้องรู้หากไปพบปะลูกค้าหรือคู่ค้าคนจีน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
มารยาทการทักทายของคนจีน
การรักษาหน้าตาและให้เกียรติซึ่งกันและกันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันของชาวจีน
ดังนั้นควรปฏิบัติตนตามธรรมเนียมที่เหมาะสม และไม่ควรกระทำการใดๆ ที่จะสร้างความเสื่อมเสียแก่คู่สนทนาในที่สาธารณะ
เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน
สิ่งที่ควรทำ เลือกคำทักทายหรือคำสรรพนามที่เหมาะสม ควรนำหน้าด้วย “Mister / Miss”
หรือถ้าเขาเข้าใจภาพภาษาไทยก็เรียก “คุณ” แล้วตามด้วยนามสกุล ไม่ควรเรียกแซ่เฉยๆ คนจีนให้ความสำคัญเรื่องระบบอาวุโสและการให้เกียรติ
หรืออาจเรียกชื่อโดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ เช่น “Minister” แล้วตามด้วยนามสกุล
บางครั้งอาจจะเรียกเพียงตำแหน่งเท่านั้นก็ได้ แต่หากเป็นการเรียกชื่อเฉยๆ
จะต้องเป็นผู้ใหญ่เรียกผู้น้อยหรือเป็นการเรียกระหว่างเพื่อนฝูงซึ่งมีความสนิทสนมกัน
ผู้ที่อาวุโสน้อยกว่าควรเป็นฝ่ายทักทายผู้อาวุโสก่อน
หรือถ้าแนะนำต้องแนะนำผู้น้อยให้ผู้ใหญ่รู้จักก่อน
และต้องลุกขึ้นยืนจนเสร็จสิ้นการทำความรู้จักทั้งสองฝ่าย หากมีการพยักหน้า ก้มหัว
ควรค้อมลงให้ระดับหน้าอก แต่หากมีการจับมือพึงระมัดระวังเป็นพิเศษ
ควรจับมือฝ่ายหญิง เบาๆ และพอเป็นพิธี ไม่ควรกุมหรือบีบเพื่อแสดงความมั่นใจ
เนื่องจากชาวจีนเห็นว่าการจับมือแน่นเกินไป อาจเหมือนการประลองกำลังหรือลองเชิงกัน
แต่หากฝ่ายตรงข้ามใช้สองมือกุมมืออีกฝ่ายหมายถึงการแสดงความอบอุ่นเป็นกันเอง
การทักทายด้วยการไถ่ถาม เป็นเรื่องปกติ
ถือเป็นมารยาททั่วไป ไม่ควรใช้มือปิดปาก ป้องปาก หรือทำปากขมุบขมิบ เพราะไม่สุภาพ
ไม่ควรพูดเสียงเบาไป เพราะอาจหมายถึงการนินทา แต่ก็ไม่ควรส่งเสียงดังเกินไป
เพราะแสดงถึงอำนาจ
การใช้มือประกอบคำอธิบายไม่ควรออกท่าทางมากนัก
เพราะอาจสร้างความรำคาญแก่ฝ่ายตรงข้าม ไม่ควรชี้นิ้วไปยังสิ่งต่างๆ เพื่ออธิบาย
หรือเพื่อเรียกใคร ไม่ควรดีดนิ้วและผิวปากระหว่างการสนทนา
พึงสำรวมและอ่อนน้อมถ่อมตนในการพูดคุยกับชาวจีน
ไม่ควรพูดตลกลามกแบบสกปรก
หากต้องการเล่าเรื่องขำขนควรเลือกเรื่องที่คมคายแฝงข้อคิด
ชาวจีนถือว่าการตรงต่อเวลาเป็นการให้เกียรติอย่างหนึ่ง
ดังนั้น ควรไปถึงก่อนเวลานัดหมาย
การกินและธรรมเนียมบนโต๊ะอาหาร
ชาวจีนให้ความสำคัญกับการกินมากเป็นพิเศษ
เนื่องจากในอดีตเคยเผชิญกับภาวะแร้นแค้นอย่างมาก
อาหารจึงมิใช่เพียงสิ่งดำรงชีพอย่างเดียว แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความอิ่มหนำไม่ขาดแคลน
และกลายเป็นประเพณีที่จะมีการเลี้ยงดูปูเสื่อแขกผู้มาเยือน
ชาวจีนยังใช้การกินเป็นการพบปะพูดคุย
เพื่อแสดงความเอาใจใส่ในช่วงระหว่างการกินถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข
ไม่ควรพูดคุยเรื่องหนัก หากมีเรื่องหนักหรือเรื่องที่ต้องใช้การพูดคุยที่จริงจัง
ควรจะเริ่มคุยตอนทานอาหารใกล้เสร็จแล้ว
การศึกษาและทำความเข้าใจธรรมเนียมค่านิยม
และศิลปะบนโต๊ะอาหารที่แสดงถึงความละเอียดอ่อนและละเมียดละไม
เพื่อสร้างความประทับใจและป้องกันความผิดพลาดที่อาจส่งผลกระทบกระเทือนความรูสึกอันดี
จะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและส่งผลทางบวกต่อการดำเนินธุรกิจได้ นอกจากนี้
การรู้ถึงรสนิยมในการรับประทานอาหารของชาวจีนก็ช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจได้เช่นกัน
สิ่งที่ควรทำ หากมีโอกาส ควรเตรียมสถานที่และรายการอาหารล่วงหน้า
โดยปรึกษาผู้เชี่ยวชาญคนจีนท้องถิ่นที่รู้จัก หรือผู้จัดการของภัตตาคาร
ควรสั่งอาหาร 8 หรือ 10 หรือ 12 อย่าง ซึ่งอาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม
รายการอาหารจะไม่รวมเครื่องดื่มและแอลกอฮอล์
ลำดับและตำแหน่งที่นั่งสำคัญ ประธานมักจะนั่งเก้าอี้ตรงกลางตรงข้ามกับประตู
หัวหน้าคณะของอีกฝ่ายจะนั่งขวามือของประธาน
ซ้ายมือของประธานจะเป็นที่ของตำแหน่งรองลงมาของคณะนั้น ๆ และนั่งสลับกันไปเรื่อย ๆ
ทั้งสองฝ่าย โดยที่นั่งตรงข้ามของประธานจะเป็นที่นั่งของรองเจ้าภาพ
ทั้งนี้ในบางภัตตาคารใช้การจัดโต๊ะบอกตำแหน่งที่นั่ง เช่น
พับผ้ากันเปื้อนของประธานแตกต่างจากของผู้ร่วมคณะทั่วไป
ควรให้แขกเป็นฝ่ายสั่งอาหารก่อนหลังจากนั้น
เจ้าภาพสั่งอาหารที่เหลือให้ หากชาวจีนเป็นเจ้าภาพและยื่นรายการอาหารให้
อาจรับมาดูเป็นพิธีและส่งกลับให้เจ้าภาพสั่งอาหารแทน การนับจำนวนชนิดอาหารที่สั่งต้องนับแต่อาหารหลักเท่านั้น
เพราะข้าวไม่ใช่อาหารหลักเพราะชาวจีนนิยมทานอาหารพร้อมเหล้า
ในจีนการเลี้ยงอาหารจำนวนมากเป็นเรื่องปกติของบางท้องถิ่น
เนื่องจากแสดงถึงความปกติของบางท้องถิ่น เนื่องจากแสดงถึงความมั่งคั่ง
แขกควรรับประทานให้มากที่สุด เพราะถือว่าให้เกียรติ
แต่ไม่จำเป็นต้องกินทุกอย่างให้หมด อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีความระมัดระวังเรื่องการสั่งอาหารมากขึ้น
โดยสั่งให้พอกินหรือเหลือไม่มากจนเกินไป
เมนูปลา ควรสั่ง
ปลาเป็นการสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ และตามธรรมเนียมจีนเราจะเป็นคนตักส่วนหัวและหางปลาแบ่งไว้ในจานให้แก่ประธานต่างหาก
ซึ่งมีความหมายว่า ความสัมพันธ์และธุรกิจดำเนินอย่างราบรื่นตั้งแต่ต้นจนจบ
ไม่มีอุปสรรคขัดขวางตรงกลาง
แม้จะไม่ใช่ธรรมเนียมที่เคร่งครัดนักแต่ถ้าทำบรรยากาศก็จะชื่นมื่นขึ้น
ชาวจีนรับประทานอาหารร่วมกันเหมือนคนไทย
โดยเจ้าภาพจะเป็นผู้เริ่มคีบอาหารให้แขกก่อน แต่จะใช้ตะเกียบหรือช้อนกลาง ปกติงานเลี้ยงจะเสร็จสิ้นในเวลาประมาณ
1 ชั่วโมงสำหรับอาหารกลางวัน และ 2 ชั่วโมงสำหรับอาหารเย็น และระหว่างมื้ออาหาร
การช่วยเติมเครื่องดื่มให้กับผู้อื่น เป็นสิ่งที่เหมาะสมและควรทำทั้งนี้
ระหว่างการรับประทานอาหารนั้น การเคี้ยวไปคุยไปหรือเรอเสียงดังของชาวจีนเป็นเรื่องปกติ
หลังมื้ออาหารมักจะมีการดื่มเหล้า
ทั้งนี้ ต้องเทให้เจ้าภาพก่อน จากนั้น เจ้าภาพจะยกแก้วขึ้นพร้อมกล่าวนำ
ในการชนแก้วนั้น ผู้น้อยจะชนแก้วโดยให้ตำแหน่งแก้วของตนต่ำกว่า
แต่หากอีกฝ่ายต้องการแสดงความเคารพจะลดแก้วให้ต่ำกว่าเอง
ควรหาคนที่ดื่มเหล้าคล่องมาร่วมโต๊ะเพื่อเป็นคนเชื้อเชิญอีกฝ่ายให้ดื่ม
และชนแก้วเป็นระยะๆ
จะไม่ทำให้ชาวจีนที่ชื่นชอบการดื่มเหล้ารู้สึกเขินที่จะต้องเริ่มหรือดื่มเพียงลำพัง
ทั้งยังสร้างบรรยากาศการรับประทานอาหารให้เป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นกันเอง
ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน แต่หากเครื่องดื่มเป็นน้ำหรือน้ำอัดลม
เราควรเป็นฝ่ายเชิญดื่มก่อนเอง
เมื่อคนจีนให้ดื่มหมดแก้ว
ควรรินเหล้าให้คนรอบข้างก่อนรินให้ตนเอง แต่หากอีกฝ่ายรินเหล้าให้ ควรกล่าวขอบคุณทุกครั้ง
การเก็บเงินควรให้ผู้ช่วยเดินออกไปจ่ายที่เคาน์เตอร์
หรือเคลียร์ค่าใช้จ่ายหลังจากส่งแขกผู้ใหญ่เรียบร้อย
ไม่ควรเก็บเงินที่โต๊ะสำหรับการให้ทิปนั้น ต้องระวังบางที่ไม่รับทิปเพราะถือเป็นการดูถูก
แบบนี้อย่าทำ
-ไม่ควรคุยธุรกิจบนโต๊ะอาหารโดยเฉพาะกับเจ้าภาพหรือแขกที่ยังไม่คุ้นเคยกันมาก่อน
เพราะชาวจีนถือว่าช่วงเวลาอาหารเป็นช่วงเวลาที่ต้องสนุกสนาน
ไม่ควรคุยเรื่องเครียดควรสนทนาเรื่องทั่วไป
-ไม่ควรสั่งจำนวนอาหารจานหลัก (Main Dish) เท่ากับเลข 7
เพราะอาหาร 7 อย่างนั้นเป็นจำนวนที่ใช้ในการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ
มีไว้สำหรับคนตายเท่านั้น
-ไม่ควรปักตะเกียบลงบนชามข้าวเพราะเป็นประเพณีการวางถ้วยข้าวสำหรับเซ่นไหว้คนตาย
และระมัดระวังอย่าทำตะเกียบตกพื้น เพราะเป็นความเชื่อว่าจะทำให้โชคร้าย
-ไม่ควรใช้ตะเกียบตัวเองคีบอาหารให้คนอื่น ควรใช้ช้อนกลางหรือตะเกียบกลางสำหรับตักหรือคีบอาหารให้ผู้อื่น
-ไม่ควรพลิกปลา เพราะปลาเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ
การพลักปลาจึงมีความหมายเหมือนเรือล่ม ไปไม่รอด
-ไม่ควรกล่าวคำปฏิเสธบนโต๊ะอาหาร เช่น อาหารที่ทานไม่เป็น ทั้งนี้
เพราะถือเป็นการไม่ให้เกียรติ ควรเลี่ยงด้วยการตอบว่า
กินน้อยซึ่งหากตอบแล้วจะไม่รับประทานก็ไม่เป็นไร
-การเลี้ยงสุกี้ต้อนรับอาจไม่ได้รับความประทับใจจากชาวจีน
(ยกเว้นชาวเสฉวน) เนื่องจากชาวจีนรู้สึกว่าเป็นอาหารทั่วไป
ไม่ใช่อาหารสำหรับเลี้ยงแขก
-หากไม่ดื่มเหล้า ควรปฏิเสธแต่แรกโดยอ้างเหตุผลด้านสุขภาพ ทั้งนี้ต้องพูดว่า “ไม่สามารถดื่มได้” จะดีกว่ากล่าวว่า “ไม่ดื่ม” เพราะฟังดูไม่ค่อยสุภาพ อย่างไรก็ตาม หากเริ่มดื่มแก้วแรกแล้ว ไม่ควรปฏิเสธแก้วต่อไป เพราะถือเป็นการไม่ให้เกียรติ หรืออาจใช้วิธีจิบทีละเล็กน้อยแทนการดื่มทีละแก้ว
ปัจจุบันในงานเลี้ยงที่เป็นทางการมักจะไม่มีการชวนดื่มเหล้าให้เมาคาโต๊ะอย่างเช่น
ในอดีต หากแขกปฏิเสธว่าไม่สามารถดื่มได้เจ้าภาพก็มักจะไม่รบเร้ามาก
เนื่องจากการรบเร้าแขกให้ดื่มเหล้าให้เมา
ก็ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มากในกลุ่มชาวจีนที่เข้าใจวัฒนธรรมของต่างประเทศ
โดยเห็นว่าวัฒนธรรมการดื่มเหล้าของจีน ไม่ควรที่จะคะยั้นคะยอเรื่องการดื่มให้แก่ชาวต่างชาติที่ไม่คุ้นเคยกับวัฒนธรรมนี้
สิ่งเหล่านี้เป็นมารยาทในการพบปะลูกค้าคนจีน
ที่ยังมีเกล็ดเล็กเกร็ดน้อยอีกมาก เพราะแม้ไทยจีนจะไม่ไกลกัน
แต่วัฒนธรรมความเป็นอยู่หลายอย่างก็แตกต่างกัน ทางที่ดี เจรจาธุรกิจกับคนจีนทุกครั้งควรหาล่ามคนจีนที่รู้ภาษาไทยและวัฒนธรรมไปด้วย
อ้างอิง : BOI , สภาธุรกิจไทย - จีน