โลกธุรกิจปัจจุบันที่มีองค์กรต่างๆ เกิดขึ้นมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย การใส่ใจนวัตกรรมผลิตภัณฑ์อย่างเดียวอาจไม่พอ นวัตกรรมองค์กร หรือ Corporate Innovation จึงเป็นอีกหนึ่งทางออกที่พร้อมช่วยให้องค์กรทุกประเภทสามารถเอาตัวรอดและอยู่เหนือโลกธุรกิจที่เปลี่ยนไปไวตาม Digital Disruption ได้ ซึ่ง Corporate Innovation ที่ว่านี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องลงทุนไปกับเทคโนโลยีล้ำนำสมัย หรือเงินเยอะมากมาย แต่จะต้องใช้อะไรบ้าง มาดูกัน
Corporate
Innovation คืออะไร?
อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดขอบเขตความหมายของ
คำว่า “Corporate
Innovation” แต่ปกติแล้ว Innovation มักจะเป็นการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร
โดยการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเปลี่ยนในเรื่องใดก็ตาม
เพื่อให้ภายในองค์กรเกิดความก้าวหน้าได้อย่างยั่งยืนหรือชั่วคราวตามที่กำหนดไว้
หากนึกภาพไม่ออกลองจินตนาการดูว่า องค์กรของคุณคือผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่ง ถ้าคุณอยากขายดีมากขึ้น คุณอาจจะต้องหาวิธีเปลี่ยนแปลงอะไรซักอย่าง เช่น แพ็กเกจ วิธีการขาย ขั้นตอนการผลิต ฯลฯ ในองค์กรก็เช่นกัน แต่อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นว่า ไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี หรือเงินเยอะมากมายก็สามารถทำ Corporate Innovation ได้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
4 แนวคิดสร้าง
Corporate Innovation
การจะสร้าง
Corporate
Innovation ให้เกิดขึ้นจริงภายในองค์กรสามารถเริ่มต้นได้จากแนวคิดเหล่านี้
1) หยุดคิดยึดติดสิ่งเดิมๆ
ทุกอดีตล้วนมีความหมาย
แต่การจะก้าวไปข้างหน้าได้ คุณต้องไม่ยึดติดถึงสิ่งเดิมที่เคยผ่านมา
เพราะในขณะที่มีแต่องค์กรใหม่ๆ ที่มีแนวคิดใหม่ๆ
ทยอยเข้ามาในตลาดเดียวกันกับองค์กรของคุณ ยิ่งการแข่งขันมากขึ้นเท่าไหร่
องค์กรที่ไม่สามารถปรับตัวให้ก้าวไปข้างหน้าได้ก็มีแต่โอกาสที่จะล้มหายตายจากไปมากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้นในบางเรื่องคุณอาจจะต้องเลือกที่จะฉีกกฎเดิมๆ บ้าง เช่น
การทำงานที่วางแผนขั้นตอนมาอย่างยาวนาน อาจจะต้องปรับให้ทำงานได้ไว
ก้าวไปทันโลกได้มากขึ้น รวมถึงกล้าลองสิ่งใหม่ๆ
ไม่จำเป็นที่พนักงานจะต้องรอคำสั่งผู้บังคับบัญชาเพียงอย่างเดียว ถ้าใครมีไอเดียดีๆ
ก็เสนอได้เลย ฯลฯ
2) เปิดกว้างให้ทุกคนในองค์กร
หลายครั้งที่เรามักจะเจออุปสรรคของ
การสร้าง Corporate
Innovation ในองค์กร จากการถือความคิดของผู้มีอำนาจอย่างหัวหน้า
ผู้บริหาร ฯลฯ เป็นใหญ่ บางโครงการต่อให้จะวางแผนแนวคิดมาดี
ผ่านขั้นตอนมามากขนาดไหน ถ้าเสนอผู้บริหารแล้วไม่ชอบก็จบ หรือการสร้างบรรยากาศภายในองค์กรให้ผู้คนรู้สึกกดดัน
ไม่กล้าแม้แต่จะเสนอ หรือกลัวเสนอไปแล้วลงมือทำจริงจะมีปัญหาตามมา (ซึ่งความเสี่ยงถือเป็นเรื่องปกติของโลกธุรกิจที่ผู้บริหารควรประเมินและทำใจยอมรับ)
ดังนั้นการปรับแนวคิดของผู้บริหาร และสร้างบรรยากาศที่พร้อมเปิดกว้างให้ทุกคนในองค์กร
เช่น ให้เสรีภาพ และให้กำลังใจ ฯลฯ ก็ถือเป็นอีกเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน
3) สร้าง Value Proposition
บางครั้งคุณอาจจะต้องลองปรับความคิดจากคุณจะได้อะไรจากอีกฝ่าย
ไม่ว่าจะเป็นพนักงานในองค์กรหรือลูกค้า แต่อาจจะลองเริ่มคิดว่า
คุณจะสร้างคุณค่าอะไรให้แก่อีกฝ่ายเพิ่มบ้าง เช่น
การสร้างผลิตภัณฑ์หรือโมเดลธุรกิจใหม่ที่ตอบโจทย์คนกลุ่มอื่นๆ
นอกจากกลุ่มฐานลูกค้าที่มีอยู่เดิม ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่เดิม
เพียงแต่เพิ่มฐานลูกค้าอีกกลุ่มเข้ามา ฯลฯ
โดยปรับสมดุลให้ทั้งสิ่งเดิมและสิ่งใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา สามารถอยู่รอดได้ทั้งคู่
โดยไม่ให้มีตัวไหนเด่นหรือดรอปไปกว่ากัน
4) พนักงานดูแลเฉพาะด้าน
ไม่สั่งงานข้ามหน้าที่
น่าแปลกใจที่มีองค์กรไทยจำนวนไม่น้อย
ที่มักจะเปิดรับสมัครพนักงานในองค์กรที่อาจกำหนดหน้าที่ให้ทำงานถึง 3-4 อาชีพใน 1 ตำแหน่งเลยทีเดียว
ซึ่งคุณอาจประหยัดค่าจ้างแรงงานได้
แต่คุณจะไม่ได้คนที่เก่งเฉพาะด้านมากพอที่จะสร้างไอเดียใหม่ๆ
หรือพร้อมแก้ทุกปัญหาที่ปกติอาชีพนั้นควรจะทำได้ ให้องค์กรนั้นได้ก้าวไปข้างหน้า
ดังนั้นไม่จำเป็นที่จะเริ่มจากการลงทุนปรับที่ผลิตภัณฑ์
แต่ควรเริ่มจากวางหน้าที่ให้พนักงานดูแลเฉพาะด้าน ไม่สั่งงานข้ามหน้าที่
ให้พวกเขาได้มีเวลาและพื้นที่พอจะสร้างไอเดียพัฒนาผลิตภัณฑ์และองค์กรของคุณได้ในระยะเวลาที่สั้นลงกว่าเดิม
พร้อมแข่งกับคู่แข่งรายอื่นกัน
จากแนวคิดสร้าง Corporate Innovation ที่กล่าวไปในข้างต้น คงจะพอทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทุกท่านเข้าใจและมองเห็นภาพได้มากขึ้นว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยีหรือทุนมากมายอย่างที่เราได้กล่าวไปจริงๆ เพียงแต่ต้องมีการปรับเปลี่ยนบางอย่างภายในองค์กรให้เหมาะสมพร้อมก้าวทันโลกมากขึ้นเท่านั้น