‘จิ้งหรีด’ Novel Food แห่งอนาคตตลาดรับซื้อทั่วโลก

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “จิ้งหรีด” (Cricket) แมลงเศรษฐกิจตัวใหม่แห่งอนาคต ซึ่งที่ผ่านมาในยุโรปแมลงถูกจัดให้เป็นอาหารใหม่ หรือ Novel Food และเป็นเทรนด์มาแรงไม่หยุด เนื่องจากตลาดยังมีความต้องการทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก โดยเฉพาะตลาดโลกต้องการผงโปรตีนชั้นสูงจากแมลงจิ้งหรีดไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านตันต่อปี นับได้ว่าเป็นช่องว่างทางการตลาดที่เปิดโอกาสให้เกษตรกรไทย สามารถเข้าไปแทรกส่วนแบ่งตลาดที่มีมูลค่ามากกว่า 9,000 ล้านบาทต่อปี

จากแนวโน้มตลาดโลกมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นอาหารโปรตีนสูงแห่งอนาคตที่ให้โปรตีนสูงกว่าเนื้อวัว หมู และไก่ แต่การที่เกษตรกรไทยจะเข้าไปแย่งส่วนแบ่งตลาดได้นั้น ต้องเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดให้ได้มาตรฐานของตลาดโลก ซึ่งไม่ใช่ปัญหาเนื่องจากตอนนี้ประเทศมีหลายบริษัทตั้งโรงงานแปรรูปผงโปรตีนจากเกษตรกรโดยตรง และตั้งโรงงานแปรรูปผงจิ้งหรีดสำเร็จรูปครบวงจร อีกทั้งยังทำเป็น “ฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีด” เชิงพาณิชย์ ต้นแบบมาตรฐานสากลให้เกษตรกรไทย นำไปโมเดลสานต่อการทำธุรกิจฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีด

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

บริษัท ไทย เอนโท ฟู้ด จำกัด เป็นอีก 1 ในหลายบริษัทสัญชาติไทยที่ตั้งโรงงานแปรรูปผงโปรตีนและทำเป็น “ฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีด” ครบวงจรถือเป็น “ฟู้ดเทค สตาร์ทอัพ”รายแรกของไทยที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) มาตั้งแต่ปี 2559 โดยทำธุรกิจเกี่ยวกับแมลงอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ มีฟาร์มที่เพาะเลี้ยงจิ้งหรีด การมีโรงงานที่แปรรูปผลิตภัณฑ์และการสร้างผลิตภัณฑ์ผงโปรตีนจากจิ้งหรีด พร้อมกับมีการทำวิจัยและพัฒนา (อาร์แอนด์ดี) ร่วมกับนักวิจัยสถาบันวิจัยของประเทศไทยอย่างเข้มข้น โดยผงโปรตีนแบบเข้มข้นได้ทำการตลาดในชื่อแบรนด์ “Sixtein” เน้นการทำการตลาดระหว่างธุรกิจต่อธุรกิจ ( Business-to-Business-B2B ) และนำสินค้าไปพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ตลาดโลกรองรับไม่อั้น

นี่คือโอกาสทองของเกษตรกรไทยที่จะยึดเป็นอาชีพทำฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีดเพื่อเชิงพาณิชย์ โดยนำต้นแบบมาตรฐานสากลที่ คุณธีรณัฐ รุ่งสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย เอนโท ฟู้ด จำกัด เปิดฟาร์มต้นแบบระบบปิดอยู่ที่ จ.นครสวรรค์ ก็พร้อมจะถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคนิคการทำฟาร์มให้เกษตรกรนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั่วภูมิภาค ซึ่งการยึดอาชีพทำฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีด ไม่มีการขาดทุนอย่างแน่นอน ลงทุนต่ำ ค่าตอบแทนสูง และตลาดโลกยังคงมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีดต้นแบบระบบปิดมีขนาดประมาณ 900 ตารางเมตร สามารถผลิตจิ้งหรีดได้ประมาณ 120 ตันต่อปี ที่เป็นจิ้งหรีดตัวสด เมื่อเลี้ยงประมาณ 90 วันตัวโตเต็มที่แล้ว จากนั้นจึงนำไปสู่การแปรรูปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ผงโปรตีนจิ้งหรีด ซึ่งจิ้งหรีดจำนวน 4 กิโลกรัม จะนำไปแปรรูปสู่ผงจิ้งหรีดได้ประมาณ 1 กิโลกรัม

โปรตีนจิ้งหรีดโอกาสธุรกิจไทยตีตลาดโลก

ปกติเกษตรกรไทยมักเลี้ยงจิ้งหรีดเป็นอาชีพเสริม แต่แนวคิดของคุณธีรณัฐ เห็นตรงข้าม จึงผลักดันเกษตรกรไทยหันมาทำเป็นอาชีพอย่างจริงจัง เนื่องจากสามารถสร้างรายมั่นคงยั่งยืน เพราะจิ้งหรีดกำลังกลายเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมอาหารหลักของไทยที่สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศ ตอบสนองเทรนด์ใหม่ทั่วโลกที่กำลังนิยมบริโภคแมลงที่ให้โปรตีนสูงแทนสัตว์เนื้อ เพราะรับประทานแมลงปลอดภัยมากกว่า ทำให้อุตสาหกรรมนี้มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด

จากข้อมูลองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุว่า ในปี 2592 ประชากรในโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 9,500 ล้านคน จากปัจจุบันที่มีประชากรในโลกรวม 6,000 ล้านคน อาหารที่ผลิตก็จะไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนบนโลกใบนี้ สิ่งที่จะเข้ามาแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารของคนในโลกได้ คือการใช้เทคโนโลยีมาช่วย รวมทั้งอาหารประเภท Functional Food และ Novel Food ซึ่งแหล่งโปรตีนแห่งอนาคต คือ “แมลง” แต่เกษตรกรไทยต้องเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดให้ได้มาตรฐานสากล โดยใช้โมเดลฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีดของบริษัทเป็นต้นแบบถึงจะส่งไปขายได้ตลาดต่างประเทศ หรือส่งขายให้โรงงานชั้นนำของไทยหรือบริษัทไทย เอนโท ฟู้ด จำกัด ที่เปิดรับซื้อสินค้าโดยตรงจากเกษตรกร

คุณธีรณัฐ กล่าวอีกว่า ตลาดแปรรูปผงโปรตีนจากจิ้งหรีดยังคงเติบโตก้าวโดดและเป็นตลาดที่มีอนาคต ทำให้ทางบริษัท ไทย เอนโท ฟู้ด สั่งซื้อเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อแปรรูปผลิตภัณฑ์จากจิ้งหรีดให้ได้คุณภาพระดับสากลมากยิ่งขึ้น เมื่อผู้บริโภครับประทานผลิตภัณฑ์สินค้าของบริษัทแล้ว จะไม่ได้กลิ่นเลยว่าเป็นจิ้งหรีดผงโปรตีน โดยจุดเด่นดังกล่าวเพื่อสร้างความมั่นใจผู้บริโภค และยังจะเป็นแรงผลักดันให้บริษัทสามารถเข้าไปเจาะตลาดโลกได้มากยิ่งมากขึ้น

ฟาร์มจิ้งหรีดมาตรฐาน GAP ตอบโจทย์ผู้บริโภค

เมื่อแนวโน้มตลาดธุรกิจจิ้งหรีดกินได้ขยายวงกว้างมากขึ้น นับเป็นโอกาสของเกษตรกรไทยในการส่งออกไปขายทั่วโลก แต่การจะทำฟาร์มจิ้งหรีดเพื่อตีตลาดโลกได้นั้น ประตูด่านแรกที่ผู้ประกอบการต้องผ่านให้ได้ คือ มาตรฐาน GAP (Good Agriculture Practice) 8202-2560 การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีด จากสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ นอจากทำฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีดที่ผ่านมาตรฐาน สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคแล้ว การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยเฉพาะการเจาะตลาด Functional Food ยังเป็นกุญแจสำคัญในการแปรรูปอาหารและสร้างความต้องการอาหารจากแมลงให้เพิ่มสูงขึ้น

สำหรับตลาดส่งออกรายใหญ่ของไทย คือ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น จีน ซึ่งราคาจิ้งหรีดปัจจุบันอยู่ที่ 100-200 บาทต่อกิโลกกรัม หากมีการแปรรูปไปสู่แบบผงโปรตีน ราคาจะพุ่งไปอยู่ในระดับที่ 1,000-1,800 บาทต่อกิโลกรัม หรือสร้างมูลค่าการตลาดได้มากกว่า 10 เท่าเลยทีเดียว

ที่ผ่านมาการส่งออกจิ้งหรีดของไทยนำรายได้สู่ประเทศไม่ต่ำกว่า 9 ล้านบาทต่อปีในรูปแบบของจิ้งหรีดสด โดยยังไม่รวมถึงการแปรรูป เช่น ผงโปรตีนจิ้งหรีดอาหารสำเร็จรูปประเภทต่างๆ ขนมขบเคี้ยว ซึ่งประเทศไทยมีฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีดแบบพื้นบ้านมากกว่า 2 หมื่นแห่ง ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยง คือ ทองดำ ทองแดง และสะดิ้ง มีกำลังการผลิตจิ้งหรีดรวมกันมากกว่า 7,000 ตันต่อปีสามารถป้อนตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ

ปัจจุบันผู้บริโภคชาวไทยและต่างประเทศเริ่มนิยมบริโภคจิ้งหรีดแปรรูปผงโปรตีนมากขึ้น ส่งผลทำให้ภาพรวมการเติบโตจิ้งหรีดในตลาดโลก โดยเฉพาะกลุ่ม Functional Food และ Novel Food เริ่มเติมโตมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกา ตลาดจีน ยุโรป ลาตินอเมริกา ซึ่งเป็นไปตามเทรนด์ของผู้บริโภคที่ต้องการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะโปรตีนจากจิ้งหรีดถือเป็นโปรตีนทางเลือกที่ไม่ใช่การบริโภคเนื้อสัตว์โดยตรง 

สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<< 

โปรตีนจิ้งหรีดไทยเจาะตลาดต่างประเทศ

โปรตีน ‘จี้งหรีด’ เทรนด์อาหารมาแรง เลี้ยงง่าย-ต้นทุนต่ำ