ไวรัสโคโรนา หรือ Covid-19 ยังกลายเป็นวิกฤติการณ์ที่ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจไทย ไม่ใช่แค่ด้านการท่องเที่ยวเท่านั้น
แต่รวมถึงการส่งออกผลไม้ไทยที่อิงตลาดจีนด้วย ภายหลังจากมีล้งจีนเข้ามากว้านซื้อแบบจองผลผลิตกันข้ามปี
โดยทำสัญญาซื้อขายตั้งแต่ยังไม่ออกจากสวนเมื่อ 3-4 ปีก่อน ทำให้ธุรกรรมการทำสวนไทยคึกคัก
มีออร์เดอร์จากล้งจีนเข้ามาข้ามปี จากค่านิยมบริโภคผลไม้ไทยของคนจีนที่มีมากขึ้น
จนกระทั่งเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในเมืองอู่ฮั่นเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.2562 ล้งจีนส่งออกไปปลายทางไม่ได้ เพราะตลาดปลายทางไม่มีคนซื้อ ด้วยคนจีนนิยมซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในช่วงโรคระบาดมากกว่าการบริโภคผลไม้ไทย ตลาดผลไม้ไทยที่ส่งไปจีนซบเซา ขายออกยากและถูกกดราคา ล้งจีนจึงถอดใจเทสัญญาเกษตรกร ทำให้เกษตรกรชาวสวนไม่มีช่องทางระบายผลผลิต ผนวกกับกรมวิชาการเกษตรถูกตัดงบประมาณในการดำเนินการปี พ.ศ.2563 ถูกตัดออกไป 638 ล้านบาท จากที่ตั้งงบประมาณไว้ 1,500 ล้านบาท ทำให้งบประมาณที่จำเป็นต้องใช้ในการดำเนินงานของเจ้าพนักงานรัฐ ที่ต้องใช้ในการดำเนินงานด้านการออกใบรับรอง GAP ให้ชาวสวน เพื่อนำไปใช้ประกอบการส่งออกถูกตัดไปด้วย ทำให้การดำเนินการออกตรวจแปลงให้ใบรับรอง GAP แก่ชาวสวนที่ขึ้นทะเบียนไว้เป็นไปอย่างติดขัดล่าช้า
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ในขณะที่ล้งจีนขาดรายได้ แต่กำลังจะมีค่าดำเนินการเรื่องมาตรฐาน
GMP ของโรงเก็บหรือโรงส่งผลไม้ส่งออก
ที่ต้องจ่ายสูงถึง 300,000 บาทเป็นต้นไป ที่เกิดขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคมนี้
นี่จึงกลายเป็นปัญหาที่ล้งไม่สามารถแบกได้ ท่ามกลางวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
ที่มีผลกระทบต่อราคาที่จำหน่ายได้ จึงนำมาสู่การเร่งออกมาตรการช่วยเหลือชาวสวนและล้งจีนให้ทำการส่งออกได้โดยด่วน
เพื่อแก้ปัญหาก่อนผลผลิตจะออกสู่ตลาดจริงช่วงต้นเดือนมีนาคม ด้วย 6 แนวทางรอดช่วยเหลือชาวสวนดังนี้
1. สถานการณ์การส่งออกทางทะเลไปประเทศจีนที่ไม่สามารถทำได้คล่องตัว
จากช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่หยุดงานช่วงเทศกาลตรุษจีนและการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา โดยได้รับการประสานงานจากฑูตพาณิชย์ไทยแล้ว
ทำให้ทำการส่งออกได้ตามปกติมาตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
จึงหมดปัญหาเรื่องการขนส่งทางทะเลไปจีน
2. สถานการณ์การส่งออกผลไม้ไปจีนทางบกที่ต้องผ่านด่านเวียดนามที่เคยติดขัด
ไม่สามารถส่งข้ามด่านได้นั้น สามารถเปิดด่านแล้วเมื่อวันที่ 7
กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หากเป็นช่วงที่ผลไม้ออกสู่ตลาด
ขบวนการส่งออกผลไม้ไทยไปจีนทางบกผ่านเวียดนามจะเป็นไปตามปกติ
3. สถานการณ์การออกใบรับรองมาตรฐาน GAP ที่ติดขัดจากการถูกตัดงบประมาณในปี
2563 ทำให้เจ้าพนักงานรัฐดำเนินการไม่สะดวก แต่เป็นส่วนเอกสารที่จีนต้องใช้ประกอบการนำเข้า
ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะไปหาแนวทางช่วยเหลือ
โดยกรมวิชาการเกษตรยืนยันว่า สำหรับเกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนในปีนี้ตามที่คาดการณ์ไว้ว่าจะมีประมาณ
50,000 รายนั้น จะสามารถดำเนินการออกใบ GAP ให้ได้เสร็จสิ้นภายในเดือนมีนาคม
4. กระทรวงพาณิชย์จะช่วยหาแนวทางคลี่คลายปัญหาด้านค่าใช้จ่าย
ในการดำเนินการเพื่อรับรองมาตรฐาน GMP ของโรงเก็บหรือโรงส่งออกผลไม้ 30,000 บาทเป็นต้นไป
ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม เพื่อลดภาระต้นทุนที่ล้งจีนต้องแบกในช่วงที่ราคาผลไม้ในตลาดจีนตก
และส่งออกติดขัด จากสถานการณ์โรคโคโรนาระบาด
5. มอบหมายให้กรมการค้าภายในทำการส่งออกแบบเชิงรุก
เพื่อรับมือกับปัญหาตลาดก่อนถึงช่วงที่ผลไม้จะออกมามาก พร้อมเร่งประสานทุกสายการบิน ให้ความร่วมมือเรื่องการหิ้วผลไม้ขึ้นเครื่องบินน้ำหนักไม่เกิน
20 กิโลกรัมฟรี
พร้อมเตรียมช่องทางผ่านตลาดเครือข่ายของกระทรวงพาณิชย์และตลาดเอกชน
ในการช่วยระบายสินค้าแก้ปัญหาเรื่องการส่งออกไปจีนยากในช่วงนี้
ซึ่งอาจทำให้มีผลผลิตตกค้างล้นตลาดในประเทศ พร้อมกันนี้จะดำเนินการเปิดตลาดใหม่
เช่น อินเดีย และตลาด CLMV
ซึ่งยังมีศักยภาพสูงมาก ไว้เป็นแนวทางแก้ปัญหาตลาดเดิมที่มีแต่ยังติดขัดเรื่องกฎระเบียบ
เพื่อให้ส่งผลไม้ได้มากขึ้น
6. เปิดลู่ทางให้บริการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 3 ลดภาระต้นทุน ช่วยผู้ส่งออกผลไม้หรือล้งในการรับซื้อผลไม้จากเกษตรกรได้ต่อไป
ด้วย 6 แนวทางดังกล่าวจะช่วยให้สถานการณ์ผลผลิตผลไม้ไทย ที่กำลังจะทะยอยออกสู่ท้องตลาดในช่วงเดือนมีนาคมนี้เป็นไปได้ด้วยดี ในช่วงวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาที่มีผลต่อการส่งออกผลไม้ไทยไปจีน