ปฏิวัติวงการย้อมสีผ้า ‘Yeh Group’ พัฒนา ‘DryDye’ คว้าใจคนรักษ์โลก
เพราะเล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหา ‘สิ่งแวดล้อม’ ว่าจะส่งผลร้ายต่อโลกเพียงใด บริษัท แซดเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในเครือบริษัท เย่กรุ๊ป จำกัด จึงได้ลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์รักษ์โลก จนนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรม DryDye การย้อมสีผ้าไม่ใช้น้ำตั้งแต่ปี 2551 นำปรับใช้กับธุรกิจของบริษัท ช่วยลดการสร้างมลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ก่อนกลายเป็นผู้นำเทรนด์ย้อมสีผ้าแนวใหม่ที่ผู้บริโภครักษ์โลกให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในปัจจุบัน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
คุณพิชญ์สินี เย่
Brand
Designer บริษัท แซดเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
เผยว่า บริษัท แซดเอส แตกไลน์มาจาก บริษัท เย่กรุ๊ป จำกัด โดยตนเองเป็นเจเนอเรชั่นที่
3 ซึ่ง Yeh Group เป็นธุรกิจในอุตสาหกรรมสิ่งทอมากว่า
30 ปี รับผลิตเสื้อผ้าให้กับแบรนด์ต่างๆ และการย้อมสีผ้าต้องใช้น้ำจำนวนมากประมาณ 25
ลิตรต่อเสื้อหนึ่งตัว ทำให้โดนค่อนขอดว่าเป็น ‘Sunset
Industry’
ดังนั้นบริษัทจึงนำคำดูหมิ่นดังกล่าวมาเป็นโจทย์ธุรกิจ
ทำความเข้าใจปัญหา ก่อนจะลงทุนเเละพัฒนาด้านเทคโนโลยีในช่วง 10
กว่าปีที่ผ่านมา เพื่อเปลี่ยนบริษัทให้กลายเป็นธุรกิจเพื่ออนาคตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ก่อนได้พบกับนวัตกรรมการย้อมแบบไม่ใช้น้ำในงาน
ITMA
FAIR ที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อปี 2551
โดยเป็นวิทยานิพนธ์ของศาสตราจารย์ท่านหนึ่ง
ซึ่งบริษัทเห็นว่าหากนำมาพัฒนาเป็นการย้อมสีผ้าเชิงพาณิชย์น่าจะตอบโจทย์แนวคิดรักษ์โลกได้
จึงได้มีการร่วมมือกับศาสตราจารย์ และกลุ่มนักธุรกิจจากประเทศเนเธอร์แลนด์
ผลิตเครื่องย้อมสีผ้าเครื่องแรกของโลกซึ่งใช้นวัตกรรมที่มีชื่อว่า ‘DryDye’
“Yeh Group ให้ความสำคัญกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
โดยบริษัทมองว่า DryDye จะกลายเป็นนวัตกรรมแห่งอนาคต
เนื่องจากภัยธรรมชาติต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลกในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา จะทำให้ผู้คนเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับแนวคิดรักษ์โลกมากขึ้น”
นวัตกรรม DryDye ทำไมไม่ใช้น้ำ?
คุณพิชญ์สินี กล่าวว่า
กระบวนการทำงานของ DryDye คือการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ที่เรียกว่า ‘ซูเปอร์คริทิคอลคาร์บอนไดออกไซด์’ (Supercritical Carbon dioxide) เข้าไปแทนที่การใช้น้ำในการนำสีไปจับกับโครงสร้างผ้า
โดยเครื่องย้อมสีผ้า DryDye
จะใช้แรงดัน 250 บาร์ เปลี่ยน คาร์บอนไดออกไซด์
เป็น ซูเปอร์คริทิคอลคาร์บอนไดออกไซด์ ใช้ในการทำความสะอาดผ้า รวมถึงแพร่สีเข้าไปในไฟเบอร์ของเนื้อผ้า
โดยการย้อมวิธีนี้เป็นการย้อมแห้ง ซึ่งนวัตกรรม DryDye มีที่มาจากคำว่า ‘ดราย’ ที่แปลว่าแห้ง กับ ‘ดาย’ ที่แปลว่าย้อม
นอกจากนี้ย้อมผ้าแบบ DryDye
จะช่วยประหยัดเวลาในการย้อม เช่น ย้อมผ้าสีดำ แบบเดิมใช้เวลาประมาณ 8
ชั่วโมง นวัตกรรม DryDye จะใช้เวลาประมาณ
3 ชั่วโมง และยังช่วยประหยัดน้ำ ไม่ต้องบำบัดน้ำเสีย รวมถึงประหยัดอีกกว่า
50% เพราะไม่ต้องใช้สารเคมีในการช่วยย้อม ที่สำคัญ ‘ซูเปอร์คริทิคอลคาร์บอนไดออกไซด์’
หลังจากย้อมสีผ้าเสร็จสิ้น ผงสีที่เหลือจากการย้อมสามารถนำกลับมาใช้ได้ประมาณ 95%
‘DryDye’ การันตีคุณภาพด้วยการเป็นผู้ชนะเลิศภาคภาคกลาง
จากการประกวดสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยประจำปี 2564 รอบภูมิภาค (THAILAND
INNO BIZ CHAMPION 2021 REGIONAL ROUND) ภายใต้
‘นิลมังกรแคมเปญ’ โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย
การตลาด DryDye ทำอย่างไร? ให้ได้ใจคนรักษ์โลก
ในเรื่องนี้ คุณพิชญ์สินี เล่าว่า
ปัจจุบันบริษัท เย่กรุ๊ป จำกัด มองการตลาดค่อนข้างหลากหลายรูปแบบ
นอกจากการผลิตสินค้าให้กับเมกะแบรนด์ เช่น ADIDAS, MIZUNO, DECATHLON ซึ่งทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิตเสื้อผ้าโกลบอลแบรนด์แล้ว
โดเมสติกแบรนด์ของไทยก็ให้ความสนใจมากขึ้น เช่น Ari,
แม็คยีนส์ มาการจับมือกับบริษัท เนื่องจากปัจจุบันมีการจัดกิจกรรม เช่น
งานวิ่งต่างๆ ซึ่งผู้จัดงานรวมถึงผู้เข้าร่วมหันมาให้ความสำคัญกับการย้อมสีผ้าแบบ DryDye อย่างแพร่หลาย
ขณะนี้บริษัทไม่ใช่แค่ธุรกิจย้อมสีผ้าอย่างเดียว
นอกจากเป็นธุรกิจที่ผลิตเสื้อผ้าใช้น้ำน้อยลงแล้ว ยังใช้โพรเซสต่างๆ ซึ่งช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อมด้วย
เช่น เส้นด้ายจากพลาสติก หรือขยะในทะเล
“ปัจจุบันบริษัทมีการปรับกลยุทธ์ โดยจะหันมาผลิตแบรนด์สินค้าเองที่ชื่อว่า
‘DryDye’ เพื่อสื่อสารการตลาดถึงความโปร่งใส่ในอุตสาหกรรมสิ่งทอและแฟชั่นไปยังผู้บริโภคโดยตรง
ทำให้ผู้คนที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการรักษ์โลกเช่นเดียวกัน หันมาร่วมใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น”
โดยในอนาคตแบรนด์ DryDye
มองถึงการเป็นผู้นำเทรนด์ของเรื่อง Wellness เสื้อผ้าระบายอากาศ
- เหงื่อได้ดี ซึ่งไม่จำเป็นต้องใส่เฉพาะออกกำลังกาย
แต่ใส่ได้ทุกวันและเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรา
อนาคตอุตสาหกรรมย้อมสีผ้าจะไปในทิศทางใด?
สำหรับเรื่องนี้ คุณพิชญ์สินี ให้ความเห็นว่า
ในอนาคตคนที่จะมาเป็น Main Customer
คือคนเจน Y เจน Z ที่โตมากับอินเทอร์เน็ตและ
Knowledge Sharing Economy ทุกอย่างสามารถทราบได้จากโลกออนไลน์
เช่น อยากรู้ว่าเสื้อผ้ามีที่มาอย่างไร ผลิตขั้นตอนใดบ้าง รวมถึงแฟชั่นเรฟโวลูชั่น
(Fashion Revolution) ซึ่งผู้คนให้ความสำคัญและสนใจกับประโยชน์ตรงนี้ค่อนข้างเยอะ
จึงกลายเป็นโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากตรงกับแนวคิดของแบรนด์ DryDye ซึ่งก็คือการทำให้เทคโนโลยีหรืออินโนเวชัน มาช่วยทำให้ชีวิตสะดวกสบายและดียิ่งขึ้น
โดยบริษัทเชื่อว่าสิ่งนี้จะเป็นโซลูชันที่ยั่งยืนที่สุด
Yeh Group ตั้งใจส่งเสริมแนวคิดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สร้างภาพลักษณ์ของ DryDye เป็นแบรนด์รักษ์โลก
100% โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะมีโมเดลรับกลับคืนมา เพราะสามารถนำไปสับเป็นเส้นด้าย
แล้วใช้นวัตกรรมของบริษัทนำไปเย็บใหม่ ย้อมผ้าเป็นสีใหม่
กลายเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียน และซับเทนเอเบิลโซลูชั่น (Sustainable Solution) มากยิ่งขึ้น
จากอุตสาหกรรมสิ่งทอและการย้อมสีผ้า ซึ่งนับเป็นธุรกิจที่สร้างของเสียให้กับโลกมากเป็นอันดับ
2
รองจากน้ำมัน บริษัท แซดเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในเครือบริษัท
เย่กรุ๊ป จำกัด ได้พัฒนาเทคโนโลยีจนกลายเป็นนวัตกรรม ‘DryDye’
การย้อมสีผ้าไม่ใช้น้ำ ตอบโจทย์คนรักษ์โลกเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างตรงจุด
รู้จัก ‘นวัตกรรม DryDye’ เพิ่มเติมได้ที่
นวัตกรรม DryDye รายการเพื่อนคู่คิด Bangkok Bank
https://www.facebook.com/Puankookit/
Youtube เพื่อนคู่คิด ตอน นวัตกรรมย้อมผ้าไม่ใช้น้ำ อนาคตวงการสิ่งทอไทย
รายการเพื่อนคู่คิด