ภายในการจัดงาน Priceza E-Commerce Summit 2020 เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เผยให้เห็นเทรนด์ธุรกิจ E-Commerce ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามเทคโนโลยีในโลกยุคปัจจุบัน ที่มีผลต่อพฤติกรรมในการจับจ่ายซื้อสินค้าของผู้บริโภค โดยพบว่าปัจจุบัน 99% นักช้อปชาวไทยในสมาร์ทโฟนในการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ และอีก 70% จะใช้มือถือสมาร์ทโฟนในการวางแผนซื้อสินค้า และเลือกสถานที่ในการจับจ่าย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ปัจจุบัน มูลค่าของธุรกิจ E-Commerce ในประเทศไทย อยูที่ประมาณ 2.5 ล้านล้านบาท เติบโต 14%
เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งการค้าออนไลน์ถือเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี
ซึ่งผลสำรวจของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า 75%
ของเอสเอ็มอีที่ใช้ช่องทางการขายที่หลากหลาย ธุรกิจมีโอกาสที่จะเติบโตสูง
ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการที่มีช่องทางขายผ่านออนไลน์เพียงอย่างเดียว
คิดเป็นสัดส่วน 53% มีทั้งหน้าร้านร่วมกับช่องทางออนไลน์
38% และมีหน้าร้านเพียงอย่างเดียว 9% ส่วนร้านค้าออนไลน์
ที่มีหน้าร้านด้วย คิดเป็นสัดส่วน 42% และ 80% ของร้านค้าทั่วไปจะขายผ่านออนไลน์ด้วย
โดยแพลตฟอร์มหลักของร้านค้าออนไลน์จะขายผ่านโซเชียลมีเดียเป็นหลัก
จากข้อมูลของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
(องค์การมหาชน) หรือ ETDA พบว่าแพลตฟอร์มที่นิยมในการซื้อสินค้าออนไลน์ของคนไทย
คือ โซเชี่ยลมีเดีย มีสัดส่วน 40% รองลงมาเป็นร้านค้าออนไลน์ต่างๆ
เช่น ลาซาด้า ช้อปปี้ เจดี เซ็นทรัล วีมอลล์ เป็นต้น และอีก 25% เป็นร้านค้าออนไลน์ของแบรนด์ต่างๆ โดยจากข้อมูลของ Priceza มีคนเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์เปรียบเทียบราคาและค้นหาสินค้าประมาณ 18 ล้านคนต่อเดือน และมีอัตราการเติบโตของยอดขาย 8.71%
โดยมีมูลค่าการจับจ่าย 475 ล้านบาทต่อครั้ง
กลุ่มสินค้าที่มีการซื้อผ่านออนไลน์มากขึ้น
ได้แก่ กลุ่มสินค้าแม่และเด็ก สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม อุปกรณ์สำนักงาน
ดีลและคูปองต่างๆ และสินค้าอุปโภคบริโภค
โดยช่องทางในการชำระเงินจะผ่านระบบการโอนเงินของธนาคารเป็นหลัก (43%) จ่ายผ่านบัตรเครดิต (38%) และเครื่องรับจ่ายเงินอัตโนมัติ
(17%)
เทรนด์ธุรกิจ E-Commerce ในปี 2020
มีแนวโน้มที่สำคัญอยู่ 5 ด้าน
1. E-Commerce is global ธุรกิจ E-Commerce ที่จะไม่ใช่แค่ข้ามภูมิภาคเท่านั้น แต่จะเป็นการข้ามประเทศ และการขนส่งสินค้าข้ามประเทศจะรวดเร็วขึ้น
ปัจจุบันการส่งสินค้าจากจีนมาไทยใช้เวลาเพียง 6
วัน เท่านั้น
2. DTC : Direct to Consumer การขายสินค้าสู่ผู้บริโภคโดยตรง ไม่ผ่านตัวกลาง (distributor) เพราะแบรนด์สินค้าต้องการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าโดยตรง
3. Thailand World’s Leader in Social Commerce จากการวิจัยของ Facebook พบว่าพฤติกรรมของคนไทยมีการช้อปปิ้งผ่าน Social Commerce สูงถึง 40% และในปี 2020 Social Commerce Platform ไม่ว่าจะเป็น Facebook Instagram และLine จะสามารถปิดการขายได้ภายในแอปพลิเคชันเดียว
ทำให้การช้อปปิ้งสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
4. บริการสั่งซื้อสินค้า
Ride Hailing จะขยายจากการซื้ออาหาร
สู่การส่งซื้อสินค้าออนไลน์ Ecommerce Delivery ซึ่งปัจจุบันไทยเป็นตลาดที่แข่งขันสูงจากการเปิดให้บริการของผู้เล่นหลายราย
5. โมเดลการขายหลากหลายช่องทาง Omni channel สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การซื้อสินค้าลูกค้าที่มีพฤติกรรมการซื้อสินค้าหลากหลายช่องทาง
ที่สำคัญ สิ่งที่ผู้ประกอบการจะได้จากการเปิดร้านค้าออนไลน์ คือสามารถรับรู้ถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคในการจับจ่ายซื้อสินค้า และนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ สังเคราะห์ เพื่อเจาะลึกพฤติกรรมของผู้บริโภค นำข้อมูลที่ได้ไปวางแผนการตลาด การนำเสนอสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของเอสเอ็มอีในการขยายธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น