EU คุมเข้มห่วงโซ่อุปทานอาหารต้องฝ่าด่าน 5 มาตรฐานเอกชน
ข่าวการแบนกะทิและผลิตภัณฑ์มะพร้าวจากไทยที่สำนักข่าวดังบีบีซีรายงาน
โดยอ้างอิงข้อมูลที่องค์กรประชาชนเพื่อการปฏิบัติต่อสัตว์อย่างมีจริยธรรม หรือพีตา
(PETA)
ระบุว่าผลิตภัณฑ์มะพร้าวจากประเทศไทยมีการใช้แรงงานลิงกัง ถือเป็นการทารุณกรรมสัตว์
โดยห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งในประเทศอังกฤษขานรับ
หยุดขายผลิตภัณฑ์มะพร้าวจากไทยทั้งหมด อาทิ เวทโทรส, บูทส์, โคออป และโอคาโด
ส่งผลกระทบต่อการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์มะพร้าวจากไทยทั้งระบบ โดยเฉพาะกะทิไทยที่ส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลกรวม 119 ประเทศ ซึ่งปี 2562 ที่ผ่านมามูลค่าส่งออกสูงถึง 12,766 หมื่นล้านบาท ทำให้ทางไทยโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งตัวแทนภาคเอกชนต้องเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับนานาประเทศ โดยเชิญตัวแทนทูตต่างชาติลงพื้นที่ให้เห็นถึงวิถีชีวิตชาวบ้าน สังคมไทย ที่คนกับลิงมีความผูกพันกันมาแต่ในอดีต เป็นเอกลักษณ์ของวิถีชีวิตไทย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ขณะเดียวกันก็นำตัวแทนสถานทูตต่างชาติหลายประเทศ
ไปเยี่ยมชมกระบวนการผลิตจากผลิตภัณฑ์มะพร้าว
โดยเฉพาะการเก็บผลผลิตมะพร้าวสำหรับนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตในเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งไม่ได้ใช้ลิงเก็บมะพร้าว
ภายหลังกรณีนี้ได้บานปลาย การต่อต้าน
แบนสินค้าและผลิตภัณฑ์มะพร้าวจากไทยลามไปถึงเยอรมัน นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์
รวมทั้งสหรัฐอเมริกา
ถือกรณีตัวอย่างที่ผู้ผลิตสินค้าไทยตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ต้องนำมาศึกษาหาทางแก้ไม่ให้ถูกกีดกัน ต่อต้าน ด้วยกฎเกณฑ์หรือมาตรการบางอย่างที่หน่วยงานภาครัฐ
องค์กร สมาคมภาคเอกชนในประเทศต่างๆ ตั้งขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวได้
ป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการกีดกันทางการค้า
เนื่องจากช่วงหลายปีที่ผ่านมา
มาตรฐานเอกชน (Private
Standards) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่องค์กร สมาคม หรือองค์กรภาคเอกชนหรือเอ็นจีโอกำหนด
ได้เข้ามามีบทบาทในห่วงโซ่อุปทานอาหารมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นมาตรการในลักษณะสมัครใจ
เพิ่มเติมจากมาตรการของทางการ ครอบคลุมทั้งด้านการผลิต การแปรรูป การจัดหา
การบรรจุหีบห่อ การขนส่ง การบริการ ฯลฯ ในห่วงโซ่อาหาร อาทิ มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี
หรือ Global GAP, มาตรฐานความปลอดภัยอาหาร หรือ SOF 1000/SOF 2000, มาตรฐานการประมงที่ยั่งยืน หรือ
Marine Stewardship Council เป็นต้น
สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศประจำสหภาพยุโรป
ระบุว่าช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มาตรฐานเอกชนในสหภาพยุโรปมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรฐานด้านความปลอดภัยในกระบวนการผลิต
การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี การค้าที่เป็นธรรม หรือ Fair-Trade ซึ่งมักพบเครื่องหมาย Fair-Trade บนฉลากผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ กล้วย โกโก้ ดอกไม้ และพืชที่นำเข้าจากประเทศที่สาม
เพราะภายใต้นโยบาย Green Deal ของสหภาพยุโรป จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขัน
ผ่านกฎระเบียบ มาตรการ และยุทธศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ การปกป้อง
และเสริมสร้างการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การแก้ปัญหาและการต่อสู้กับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
สิ่งแวดล้อม
ส่งผลให้ภาคเอกชนสามารถพัฒนาและบังคับใช้มาตรฐานต่างๆ
ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการดำเนินนโยบายของสหภาพยุโรป ตลอดจนความต้องการของผู้บริโภค
ที่ครอบคลุมถึงประเด็นมาตรการด้านความยั่งยืน สิ่งแวดล้อม สภาพภูมิอากาศ
สวัสดิภาพแรงงาน สวัสดิภาพสัตว์
โดยสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศประจำสหภาพยุโรป
ได้จำแนกมาตรฐานเอกชนประเภทต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้ ดังนี้
1. มาตรฐานความปลอดภัยและคุณภาพอาหาร อาทิ มาตรฐาน Natur’s
choice ของห้างเทสโก้ ที่รับรองด้านความปลอดภัยอาหาร สิ่งแวดล้อม
สุขภาพและสวัสดิการแรงงาน, มาตรฐาน Red Tractor
ที่รับรองสินค้าเกษตรคุณภาพสูงในสหราชอาณาจักร, มาตรฐาน BRC
ของสมาคมผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกแห่งสหราชอาณาจักร, มาตรฐาน HACCP ควบคุมดูแลความปลอดภัยกระบวนการผลิตอาหาร,
มาตรฐานระบบการจัดการความปลอดภัยของอาหาร ISO 22000 เป็นต้น
2. มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี
และการทำการเกษตรอย่างยั่งยืน อาทิ มาตรฐาน Golbal G.A.P., มาตรฐาน Filiere Qualite ของคาร์ฟูร์, มาตรฐาน Filiere
Responsables ของซุปเปอร์มาร์เก็ต Auchan ในฝรั่งเศส
3. มาตรฐานสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
อาทิ มาตรฐานการประมงที่ยั่งยืน MSC-Marine Stewardship Council, มาตรฐานการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน ASC-Aquaculture
Stewardship Council, มาตรฐาน Rainforest Alliance Certified
เพื่อรับรองชา กาแฟ โกโก้ กล้วย ดอกไม้ หรือเยื่อกระดาษที่ให้ความสำคัญต่อการปกป้องสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
4. มาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ เช่น
มาตรฐานระบบงานเกษตรอินทรีย์ขององค์กร IFAOM, มาตรฐาน Demeter, มาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์โดยองค์กร
Soil Association เป็นต้น
5. มาตรฐานแรงงานและสังคม เช่น
มาตรฐานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือ ILO, มาตรฐานการค้าที่เป็นธรรม Fair Trade, มาตรฐาน ETI-Ethical
Trading Initiative เพื่อปกป้องสิทธิแรงงาน
มาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมและการค้าที่เป็นธรรม Fair for life เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กร สมาคมผู้ผลิต ผู้ส่งออก รวมทั้งเกษตรกรซึ่งเป็นต้นน้ำของห่วงโซ่อุปทานอาหาร จึงต้องปรับปรุงพัฒนาสินค้า ผลิตภัณฑ์ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานกฎเกณฑ์ที่ถูกนำมาเป็นแนวปฏิบัติเหล่านี้ให้ได้
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<
10 Megatrends อาหารเพื่อโลกที่หิวโหย
‘จิ้งหรีดไทย’ โปรตีนทางเลือกที่ตลาดโลกต้องการ