ตลาดอาหารฮาลาล (Halal Food) หรือตลาดอาหารสำหรับผู้นับถือศาสนาอิสลาม
(มุสลิม) ทวีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งสามารถขยับจากการเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche
Market) ไปเป็นตลาดหลัก (Mass Market) หรือตลาดที่มีผู้บริโภคเป้าหมายจำนวนมาก
และหลากหลายกลุ่มได้ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ทศวรรษ โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรมุสลิมโลก
และกระแสบริโภคอาหารปลอดภัย ซึ่งเป็นกระแสที่มาแรงในช่วงที่มีการระบาดของ COVID-19
ในอนาคตคาดว่าตลาดอาหารฮาลาลโลกจะเติบโตยิ่งขึ้นตามความต้องการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย
และตรวจสอบแหล่งที่มาได้จากผู้บริโภคทั้งที่เป็นมุสลิมและไม่ใช่มุสลิม
และในฐานะที่ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกอาหารชั้นนำของโลก ทั้งยังมีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีการผลิตอาหารที่ทันสมัย
ผู้ประกอบการสินค้าอาหารในไทยจึงไม่ควรพลาดโอกาสที่จะขยายการส่งออกไปยังตลาดดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SMEs ยังรุกตลาดอาหารฮาลาลไม่มากนัก เนื่องจากเผชิญข้อจำกัดด้านเงินทุนและความรู้เกี่ยวกับการผลิตสินค้าอาหารฮาลาล ประกอบกับการที่ไทยไม่ใช่ประเทศมุสลิม ยิ่งทำให้อาหารฮาลาลของไทยมักไม่ได้รับการยอมรับ โดยเฉพาะในตลาดที่เคร่งครัดกับแนวคิดและความเชื่อทางศาสนา
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
แนวทางการรุกตลาดฮาลาลสำหรับ SME
ผู้ประกอบการไทยอาจใช้กลยุทธ์ค่อยๆ
แทรกตัวเข้าสู่ตลาดแทนการประกาศตัวอย่างชัดเจน โดยกลยุทธ์รุกตลาดอาหารฮาลาล
แบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่
ด้านผลิตภัณฑ์ (Product) ด้านผู้ซื้อ (People)
และด้านการส่งเสริมผู้ประกอบการ (Promotion) หรืออาจเรียกว่ากลยุทธ์ 3P ดังนี้
1. กลุ่มอาหารฮาลาลโดยธรรมชาติ (Natural Halal) อาทิ ผัก ผลไม้ อาหารทะเล และน้ำตาลทราย ผู้ประกอบการที่เริ่มบุกเบิกตลาดอาหารฮาลาล
หรือมีงบประมาณจำกัด ควรเริ่มต้นทำตลาดด้วยสินค้ากลุ่มนี้ เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าที่ผู้บริโภคมีความเชื่อว่าเป็นฮาลาลอยู่แล้ว
อาจไม่จำเป็นต้องพิจารณาตรารับรองมาตรฐานฮาลาลบนบรรจุภัณฑ์ซ้ำอีก ทำให้ผู้ประกอบการไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการขอรับการรับรองฮาลาล
2. กลุ่มอาหารฮาลาลโดยการรับรอง (Halal Certification) อาทิ
เค้ก โดนัท อาหารสำเร็จรูป
เหมาะกับกลุ่มผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และผ่านการรับรองมาตรฐานฮาลาล
รวมถึงมีความเข้าใจในความต้องการและรสนิยมการบริโภคอาหารฮาลาลของผู้บริโภค
3. อาหารฮาลาลที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เช่นอาหารฮาลาลเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) อาทิ อาหารฮาลาลเพื่อสุขภาพ
เนื่องจากแนวโน้มของกระแสรักสุขภาพที่ขยายวงกว้างขึ้น จนอาจก้าวขึ้นเป็นสินค้าที่นิยมกันโดยทั่วไปได้ในอนาคต
ตัวอย่างสินค้าในกลุ่มนี้ อาทิ ธัญพืชเสริมวิตามิน เครื่องดื่มเสริมกรดอะมิโน
และสแน็กบาร์เสริมโปรตีน
ผู้ประกอบการอาจใช้ช่องทาง e-Commerce และ Social Media เป็นช่องทางประชาสัมพันธ์สินค้าหรือทำการตลาดสินค้าอาหารฮาลาลในตลาดเป้าหมาย
เนื่องจากเป็นช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ในวงกว้าง หรืออาจใช้ Influencer
ที่มีชื่อเสียงในประเทศนั้นๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลของตนรวมถึงเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้บริโภคที่เป็นวัยรุ่นหรือวัยทำงาน
ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและนิยมติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านทาง Social
Media ทั้งยังมีแนวโน้มจะเปิดรับอาหารฮาลาลสไตล์ต่างชาติมากกว่าผู้บริโภคช่วงวัยอื่น
มีการประเมินว่าจากนี้เป็นต้นไป ตลาดอาหารฮาลาลโลกมีแนวโน้มจะเข้ามามีบทบาทและทวีความสำคัญต่อผู้ประกอบการอาหารทั่วโลกมากขึ้นเรื่อยๆ
จากหลายๆ ปัจจัย โดยแม้ผู้ประกอบการสินค้าอาหารจะไม่ใช่ผู้ประกอบการมุสลิม
หรือประเทศผู้ผลิตสินค้าอาหารจะไม่ใช่ประเทศมุสลิม แต่เป็นเทรนด์การบริโภคอาหารที่เน้นคุณค่าและสุขภาพมากขึ้นในประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม
(Non-OIC) อีกหลายประเทศ ที่อาจเป็นตลาดส่งออกอาหารฮาลาลที่น่าสนใจ
เนื่องจากมีจำนวนประชากรมุสลิมอยู่มาก
หรือเป็นประเทศที่เป็นจุดหมายท่องเที่ยวของชาวมุสลิม ซึ่งปัจจุบันบางประเทศในกลุ่มนี้เป็นตลาดส่งออกสินค้าอาหารของไทยอยู่แล้ว
ขณะที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในประเทศดังกล่าวแม้ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม
ก็มีแนวโน้มจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารที่เป็นฮาลาลมากขึ้น
เนื่องจากมีความเชื่อมั่นว่าอาหารฮาลาลสะอาด ปลอดภัย ถูกหลักโภชนาการ
และกล่าวได้ว่านี่จึงเป็นอีกเทรนด์ที่ผู้ผลิตอาหารต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
แหล่งอ้างอิง :
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)