ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มอาจถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากพายุโควิด
19 ไม่มากนัก แต่นั่นเป็นเพียงตัวเลขของภาคส่งออกที่มีรายได้จากการส่งออกในปี 2563
ลดลงไม่มากนักและเป็นกลุ่มที่ได้รับผลน้อย เพราะเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต
แต่ในกลุ่มผู้ให้บริการด้านอาหาร ร้านอาหารและเครื่องดื่ม
กลับต้องมีการปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดในตลาดได้ท่ามกลางการระบาดของโควิด 19
ที่ภาครัฐมีการบังคับใช้กฎหมายและขอความร่วมมือในการเปิด–ปิดร้าน
เพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัสร้าย
ขณะเดียวกันผู้ผลิตอาหาร ผู้ให้บริการอาหาร
ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม อาจต้องมีการปรับตัวอีกมาก เนื่องจากการแพร่ระบาดใหญ่ทั่วโลกของไวรัสโควิด
19
ทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงความสำคัญของความเป็นอยู่ที่ดี อาหารที่ดี เริ่มมองหาผลิตภัณฑ์และการบริการที่มีผลประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ข้อมูลจากบริษัทวิจัยการตลาดระดับโลก มินเทล (Mintel) ซึ่งได้ทำบทสรุปการตลาดผู้บริโภคเผยแพร่ 3 เทรนด์อาหารที่สำคัญ สำหรับธุรกิจการให้บริการด้านอาหารทั่วโลก พร้อมทั้งเสนอแบบรายงานผลการวิเคราะห์และรายละเอียดการตลาดเชิงลึก และข้อเสนอแนะในการทำการตลาดวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคที่พร้อมปฏิวัติวิถีการบริโภคของตัวเอง มาดูกันว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดบ้าง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
เทรนด์ที่ 1 จิตใจที่เต็มอิ่มด้วยกระแสชีวจิต
เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป
แนวโน้มการตลาดในแบรนด์ธุรกิจการให้บริการด้านอาหาร จะเคลื่อนไหวไปตามกระแสชีวจิตผ่านการนำเสนอรูปแบบผลิตภัณฑ์และสูตรอาหารที่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด
อันเป็นที่การคาดการณ์ได้ว่า เมื่อการระบาดของไวรัสโควิด 19
ได้ลดลงและสถานการณ์สังคมเริ่มฟื้นตัวขึ้น ผู้บริโภคจะมีการปรับลักษณะพฤติกรรมการบริโภค
โดยเริ่มหันมาสนใจการรับประทานอาหารอย่างมีสติ และศึกษาหาข้อมูลที่เชื่อถือได้ผ่านทางเทคโนโลยีสารสนเทศในการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์
รวมถึงการลดการบริโภคอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพให้น้อยลง
เทรนด์ที่ 2 คุณภาพที่ต้องเปลี่ยนโฉม
ผลวิเคราะห์การประเมินการตลาดยังได้มีการบ่งชี้ไปยังกลุ่มผู้บริโภคแนวใหม่ที่เสาะหาโอกาสประสบการณ์การบริโภคแบบ
‘hometainment’ ที่สุดพิเศษ สำหรับการรับประทานอาหารที่ออกแนวหรูหราดูมีราคา แต่สะดวกสบาย
เพราะสามารถรับบริการดังกล่าวนี้ได้ที่บ้านเลย
นอกจากนี้
ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะเลือกสนับสนุน ใช้ผลิตภัณฑ์และการบริการจากแบรนด์และร้านค้าที่มีนโยบายที่เป็นธรรมและมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
โดยมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้บริโภคจะคาดหวังผลิตภัณฑ์และการบริการที่ปราศจากการติดต่อแบรนด์และร้านค้าโดยตรง
นั่นหมายถึงการเข้าถึงและใช้ผลิตภัณฑ์และบริการดังกล่าวได้ด้วยตนเอง
และภายในอีก 5
ปีข้างหน้าและปีถัด ๆ ไปนี้ แบรนด์ผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการต่างๆ
และผู้ประกอบการรายย่อยที่มีการลงทุนธุรกิจการให้บริการด้านอาหาร
ปรับเปลี่ยนร้านค้าปลีกย่อยให้เข้าถึงสะดวกผ่านทางออนไลน์ และมีการให้ความสำคัญกับอาหารเพื่อสุขภาพ
จะได้รับความนิยมมากที่สุดท่ามกลางกลุ่มอื่นๆ
ทั้งนี้เป็นที่คาดเดาได้ว่า
เมื่อตลาดได้กลับมาเปิดขึ้นอีกครั้ง
วิถีการใช้ชีวิตของผู้บริโภคจะเดินไปอย่างรวดเร็ว
ซึ่งผู้บริโภคจะมีความคาดหวังในการซื้อผลิตภัณฑ์และบริการที่สะอาด ถูกสุขอนามัย
รวดเร็ว และสะดวก ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์หรือการบริการด้านอาหารและเครื่องดื่ม
หรือธุรกิจอาหารที่เกี่ยวข้อง
โดยภายในปีข้างหน้าแบรนด์ธุรกิจด้านอาหารจะต้องเตรียมตัวพร้อมตอบสนองต่อความท้าทายของเทรนด์อาหาร
ภายใต้คำจำกัดความนิยามใหม่ของคำว่า ‘คุณภาพ’ และรับมือกับการสร้างตลาด E-commerce เพื่อตอบรับการเข้าถึงของลูกค้าผู้บริโภคในทุกระดับ
ทั้งนี้การเน้นการซื้อผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการที่มีคุณภาพและมีราคาที่เหมาะสมนั้น
จะเป็นการช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจแบรนด์ต่างๆ ประกอบการทำงานอย่างโปร่งใสมากขึ้น ในเรื่องของราคาผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการที่สามารถตรวจสอบได้
จากข้อมูลด้านส่วนผสม กรรมวิธีการผลิต และราคาสำหรับกลุ่มเป้าหมาย
เทรนด์ที่ 3 อาหารสำหรับคนแนวเดียวกัน
ในอีก 12 เดือนถัดไป กลุ่มบริษัทธุรกิจการให้บริการด้านอาหาร จะสามารถใช้กลยุทธ์ทางการตลาดโน้มน้าวผู้บริโภคให้เข้ามาสนใจและใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของแบรนด์
โดยโปรโมทภาพลักษณ์ของแบรนด์นั้นๆ ให้โดดเด่นมีเอกลักษณ์
ปรับมุมมองของผู้บริโภคให้มองแบรนด์เหล่านี้เป็นอีกวิธีทาง ในการแสดงออกความเป็นตัวตนของตัวเอง
และเป็นอีกช่องทางในการสร้างชุมชนที่มีทัศนิคติและรสนิยมคล้ายๆ กัน ที่เคยมีมาก่อนช่วงการระบาดใหญ่ของโรคไวรัสโควิด
19 วิธีปรับตัวเข้ากับเทรนด์ที่กำลังจะมาถึงของแบรนด์ต่างๆ
นี้ เริ่มจากการหันมาดำเนินงานผ่านโซเชี่ยลมากขึ้น
อีกทั้งยังสร้างชุมชนโลกออนไลน์ที่ทางแบรนด์สามารถที่จะเข้าถึงและช่วยเหลือผู้บริโภค
พร้อมทั้งยังสามารถนำข้อมูลที่ได้จากการทำงานผ่านโซเชี่ยลมาวิเคราะห์สรุปผล เพื่อปรับปรุงทรัพยากรและชื่อเสียงของแบรนด์ได้ง่ายอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคต่างล้วนตระหนักถึงความสำคัญของชุมชนมนุษย์มากขึ้นนับตั้งแต่ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 โดยแต่ละคนต่างมองหาและสร้างสัมพันธ์กับกลุ่มบุคคลหรือชุมชนที่มีทัศนคติคล้ายกัน แบรนด์ในกลุ่มบริษัทธุรกิจการให้บริการด้านอาหารเหล่านี้ ควรที่จะใช้ข้อได้เปรียบของตนเองในการดึงดูดลูกค้าที่มีรสนิยมและค่านิยมตามลักษณะเอกลักษณ์ของแบรนด์ กระนั้นชุมชนเหล่านี้ที่มีกลุ่มบุคคลที่มีทัศนคติค่านิยมร่วมกันจะสามารถเติบโตไปได้ไกล รวมถึงการกระจายเครือข่ายผู้บริโภคและขยายฐานผู้บริโภคเพื่อสร้างความแตกต่างได้อีกด้วย