‘Gig Economy’ เทรนด์ยอดฮิตคนยุคนี้
ที่หมายถึงเศรษฐกิจที่มีระบบการจ้างงานแบบชั่วคราว ระยะสั้น มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในระยะ
10 ปีที่ผ่านมา
ปัจจัยสำคัญที่เสริมให้ Gig Economy ขยายตัวคือการเติบโตของสังคมดิจิทัลออนไลน์
ที่ทำให้การติดต่อสื่อสารทำได้สะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น และมีการคิดค้นแพลตฟอร์มใหม่ๆ
ที่เอื้อให้เกิดการทำงานในลักษณะนี้ อาทิ Uber ,Grab แอพรับส่งอาหาร-ข้าวของต่างๆ
ประกอบกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีอิสระ
ได้ทำงานโดยสามารถบริหารจัดการเวลาของตัวเองได้ ทั้งคนที่เพิ่งเรียนจบและหางานทำ
จำนวนไม่น้อยไม่อยากทำงานประจำในองค์กร แต่ฝันอยากเป็น “ฟรีแลนซ์”
เช่นเดียวกับคนที่เป็นลูกจ้างก็ฝันอยากจะออกจากงานมาเป็นฟรีแลนซ์
หรือแม้แต่คนวัยเกษียณยุคใหม่ที่ไม่คิดจะเลิกทำงานนอนอยู่บ้านเฉยๆ
การรับงานฟรีแลนซ์ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ผู้สูงวัยหลายคนหันมาให้ความสนใจ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme

1. ทักษะการบริหารจัดการ
อย่าลืมว่าเมื่อเทียบกับชีวิตในองค์กร
หน้าที่การงานถูกแบ่งให้กับส่วนงานต่างๆ ทำให้คนที่เคยทำงานประจำในองค์กร
โดยเฉพาะที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่
ด้านหนึ่งก็กลายเป็นการถูกจำกัดให้ใช้เวลากับความรับผิดชอบเฉพาะในส่วนของตนเอง แต่การเป็นฟรีแลนซ์คือการรวมงานทุกประเภทให้อยู่ในคนๆ
เดียว ทั้งทักษะงานซึ่งแต่ละคนมีความชำนาญ รวมไปถึงการเจรจาต่อรอง ติดต่อประสานงาน
การจัดการปัญหา ฯลฯ
ที่สำคัญมากและต้องคำนึงถึงคือการจัดการด้านการเงิน
อย่าลืมว่างานฟรีแลนซ์ไม่มีเงินโอนเข้าบัญชีเป็นประจำทุกเดือน เหมือนกับการเป็นลูกจ้างองค์กร
และยากที่จะกะเกณฑ์ว่าค่าจ้างงานจะถูกจ่ายโอนเมื่อใด
เพราะขึ้นกับการบริหารจัดการของลูกค้าแต่ละราย
ดังนั้นการสำรองเงินไว้ใช้อย่างเหมาะสมกับรอบรายจ่ายที่อาจจะมีกำหนดเวลาตายตัวจึงจำเป็น
รวมไปถึงการคิดคำนวณด้านภาษี
2. การเรียนรู้ใหม่และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
การอยู่ในองค์กรมีข้อได้เปรียบตรงที่ผู้บริหารและฝ่ายบริหารงานบุคคลอาจคอยดูแลเพื่อให้พนักงานมีทักษะงานที่จำเป็น
โดยการจัดฝึกอบรม หรือบางองค์กรมีการจัดดูงาน และการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ
ให้กับคนทำงาน สำหรับคนทำงานอิสระ เรื่องการพัฒนาทักษะความรู้อยู่ในความรับผิดชอบของตัวเองอย่างเต็มที่
คนทำงานจึงต้องพิจารณาทิศทางงาน และนำตนเองไปอยู่ในช่องทางการเรียนรู้
เพื่อให้สามารถมีความสามารถเพียงพอสำหรับการแข่งขันในตลาดการจ้างงาน
3. ทักษะการสื่อสาร/เจรจาต่อรอง
การสื่อสารที่ดีจะเกิดขึ้นได้ เริ่มต้นจากการฟัง ในการทำงานอิสระที่ต้องรับโจทย์จากลูกค้า การฟังเพื่อให้ได้ยินความต้องการที่แท้จริงของผู้ว่าจ้างมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่องานซึ่งถูก Outsource นั้นอาจไม่ใช่ความชำนาญของลูกค้า และอาจไม่ใช่งานที่ลูกค้าต้องดำเนินการบ่อยครั้ง จึงไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานประจำ ดังนั้นเป็นไปได้ว่า ลูกค้าอาจไม่สามารถสื่อสารสิ่งที่ตัวเองต้องการอย่างชัดเจนแม่นยำ คนรับงานจึงต้องเข้าใจถึงเป้าหมาย วัตถุประสงค์ รวมทั้งกรอบเงื่อนไขของงาน และสามารถให้ข้อเสนอแนะเพื่อที่ลูกค้าจะสามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม รวมไปถึงการพูดคุยถึงความเป็นไปได้ และข้อจำกัดต่างๆ ให้เกิดความชัดเจนมากที่สุด
4. การวางแผน/จัดลำดับความสำคัญ
คนรับงานอิสระ
ส่วนใหญ่ไม่ได้มีงานในมือเพียงงานเดียว วิธีที่จะทำให้ทุกงานที่รับมาสามารถเดินหน้าและแล้วเสร็จทันตามกำหนดเวลา
คือการวางแผนการทำงานและจัดลำดับความเร่งด่วนของแต่ละงานอย่างเหมาะสม ซึ่งบางครั้ง
ถ้าเริ่มเห็นว่างานเริ่มจะมีปริมาณเกินกว่าจะจัดการได้ อาจจำเป็นต้องหา “ตัวช่วย”
ด้วยการแบ่งงานบางส่วนให้คนอื่นมาช่วยทำ หรือหากพิจารณาแล้วว่างานอาจมีแนวโน้มที่จะแล้วเสร็จไม่ทันตามกำหนด
หรือเกิดปัญหาใดๆ ก็ตาม สำคัญที่สุดคือจะต้องสื่อสารกับลูกค้า
เพื่อให้รับรู้ปัญหาและหาทางออกร่วมกัน
5. การกำหนดค่าแรง
ฟรีแลนซ์หลายคนเผชิญปัญหาเรื่องการกำหนดค่าใช้จ่าย
โดยเฉพาะส่วนที่เป็นค่าแรงที่ตนเองต้องได้รับ
และเป็นไปได้ว่าหลายงานมีกรอบค่างานค่อนข้างแตกต่างกัน ดังนั้นสิ่งที่ทำได้คือการมีราคากลางของตนเอง
แล้วประเมินวงเงินจากระยะเวลาที่จะต้องใช้ในการทำงาน
ซึ่งจะสามารถแจกแจงให้ลูกค้าเห็นว่าตัวเลขรวมที่เสนอเป็นค่าใช้จ่ายนั้นมาจากฐานวิธีคิดอย่างไร
ซึ่งจะทำให้การเจรจาต่อรองทำได้สะดวกยิ่งขึ้นเพราะอยู่บนฐานของข้อมูลตัวเลขที่ชัดเจน