หากย้อนไปในอดีต เพียงแค่ทำให้สินค้าหรือบริการของคุณไปโผล่บนหน้าจอของกลุ่มเป้าหมาย และมีการทักแชตเข้ามาหาร้านค้า ก็สามารถเตรียมแพ็กของได้เลยทีเดียว เพราะมีแนวโน้มว่าลูกค้าจะซื้อแน่นอน แต่ในปัจจุบันที่ลูกค้าพร้อมจะเปลี่ยนใจได้ตลอดเวลา แม้จะทักส่วนตัวมาหาร้านค้าแล้วก็ตาม ระหว่างที่ลูกค้าสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า/บริการจากร้านของคุณอยู่ อาจจะไปเจอร้านอื่นที่ขายสินค้า/บริการใกล้เคียงกัน หรือกำลังเปรียบเทียบเรื่องความคุ้มค่าของประเภทเดียวกัน ในราคาที่ใกล้เคียงกันอยู่ บทความนี้จึงขอมาบอกต่อเทคนิคดีๆ เกี่ยวกับการปิดการขายสำหรับร้านออนไลน์ว่า ‘ควรแชตอย่างไรให้ลูกค้ายอมควักกระเป๋า’
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. ตอบไว และไม่มากไปจนดูร้อนรน
ทุกครั้งที่มีการแจ้งเตือนจากข้อความของคุณลูกค้ามายังร้านของคุณ
คุณควรที่จะรีบเข้าไปตอบกลับให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งนี้คำตอบหรือการให้ข้อมูลควรที่จะกระชับ
ชัดเจน โทนคำพูดดูสุภาพหรือคาแรกเตอร์ตามหน้าโพสต์ของร้านค้า และที่สำคัญในการตอบกลับลูกค้าแต่ละครั้ง
ไม่ควรเยอะไปจนดูล้น หรือร้อนรนเหมือนไม่เคยมีลูกค้าทักคุณมาก่อน
เพราะลูกค้าอาจจะงงหรือรู้สึกไม่มั่นใจในร้านของคุณได้ พยายามคงความพอดีไว้จะดีที่สุด
2. สร้างความตระหนักถึงปัญหาของลูกค้า
ในหลายธุรกิจเกิดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการของลูกค้า
และการที่ลูกค้าสนใจจนกดทักแชตของทางร้านไป
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาเชื่อว่ามีอะไรบางอย่างในสินค้า/บริการของคุณที่สามารถตอบโจทย์ปัญหานั้นได้
แต่การที่ยังไม่สั่งซื้อในทันที นั่นเป็นเพราะว่าเขากำลังลังเลหรือมีข้อสงสัยบางประการอยู่
คุณอาจหาทางเริ่มต้นการพูดคุยด้วยการสร้างความตระหนักถึงปัญหาที่ลูกค้าประสบพบเจออยู่
และพยายามชี้ให้ลูกค้าได้มีอารมณ์ร่วมและเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณกำลังพูดอยู่ เช่น
การถามความคิดเห็นถึงปัญหา ให้ลูกค้าได้ตอบด้วยตัวเองว่าปัญหานั้นต้องแก้ไขด้วยสินค้าของคุณ
ด้วยคำตอบว่า “จริง” หรือ “ใช่ค่ะ” เมื่อคุณสอบถามไป ฯลฯ
ลูกค้าจะรู้สึกเหมือนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย และอาจนำไปสู่การซื้อในที่สุด
3. มีข้อเสนอพิเศษ
อย่าปล่อยเวลาให้ลูกค้าตัดสินใจนานเกินไป
เพราะโอกาสที่ปิดการขายได้จะน้อยลงเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่ลูกค้าหายไปจากแชตของคุณ ดังนั้นหลังจากที่คุณลงโพสต์ขายของ
โดยท้ายโพสต์บอกว่า ทักแชทว่า “สนใจ” เพื่อรับโปรโมชั่นพิเศษ (หรือรับของแถม)
แล้ว คุณควรที่จะหาโปรโมชั่นพิเศษที่ดีกว่าการซื้อผ่านหน้าร้านออนไลน์
รวมถึงมีกำหนดระยะเวลาให้ตัดสินใจได้ภายในเท่าไหร่ เพื่อให้ลูกค้าได้ตัดสินซื้อรวดเร็วขึ้น
กว่าการให้ข้อเสนอแบบไม่มีกำหนดระยะเวลา และเพิ่มความรู้สึกว่าตัวเองได้รับความคุ้มค่ามากกว่าคนอื่น
จนรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ซื้อที่เก่งและโชคดีที่ได้มาเจอร้านของคุณ
4. แสดงความใส่ใจให้ลูกค้าได้สัมผัส
นอกจากการตอบกลับข้อสงสัย
หรือให้ข้อมูลตามปกติทั่วไป
คุณยังอาจเลือกแสดงความใส่ใจให้กับลูกค้าเป็นพิเศษมากกว่าร้านอื่น เช่น
มีประกันสินค้า ไม่ต้องกังวลหากสินค้ามีปัญหาหรือชำรุด ทางร้านรับเคลม รับซ่อม
หรืออื่นๆ, สามารถซื้อขายผ่านตัวกลางเพื่อรับประกันว่าจะได้รับสินค้าแน่นอน ฯลฯ
และการพูดในเชิงเหมือนกับลูกค้าตัดสินใจที่จะอุดหนุนร้านของคุณแล้ว
ทั้งที่ยังไม่คอนเฟิร์ม เช่น หากสนใจสั่งซื้อและโอนภายในกี่โมงจะส่งให้วันนี้ทันที
หรือสะดวกชำระเงินในรูปแบบไหน
เพื่อส่งข้อมูลการชำระเงินได้ถูกต้อง ฯลฯ
5. อำลาดี มีติดตามผล
ข้อสุดท้ายหลังจากที่ปิดการขายเรียบร้อยแล้ว
ยังไม่จบเพียงเท่านั้น คุณควรคำนึงถึงเสมอว่า การขายครั้งปัจจุบันสำคัญต่อการขายในอนาคต
ถ้าคุณบริการดีตั้งแต่ต้นจนจบการอำลา
ก็มีโอกาสที่ลูกค้าใหม่จะกลายเป็นลูกค้าเก่าที่จงรักภักดีกับร้านของคุณ
หากเป็นไปได้ อาจมีการติดตามผลว่า สินค้าถึงมือปลอดภัยหรือไม่ ใช้แล้วเป็นอย่างไร
ประทับใจมากน้อยแค่ไหน หรือมีข้อบกพร่องประการใด ฯลฯ เพื่อเก็บเป็นข้อมูลในการบริหารความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและธุรกิจต่อไป
เพียงแค่เทคนิคปิดการขายร้านออนไลน์ 5 ข้อนี้ ก็จะทำให้ร้านออนไลน์ของคุณสามารถปิดการขายได้ไม่ยาก แถมยอมควักเงินออกจากกระเป๋าได้ไว และเต็มใจมากขึ้น สำคัญคืออย่าลืมเก็บไปใช้จริง และปรับการใช้งานให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ