นโยบายส่งเสริมพืชเศรษฐกิจอย่าง "กัญชา" ของรัฐบาลไทย เป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้นมาก
หลังจากกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวง เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท
5 ที่ปลดล็อกให้ทุกส่วนของกัญชาและกัญชงไม่เป็นยาเสพติด ยกเว้น ช่อดอก ใบที่ติดกับช่อดอก
และเมล็ดกัญชาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2563
โดยส่วนต่างๆ
ของ ‘กัญชา’ ที่ไม่จัดเป็นยาเสพติด
ได้แก่ เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน ราก ใบ ซึ่งไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วย สารสกัด
CBD ที่มี THC ไม่เกินร้อยละ 0.2% และกากที่เหลือจากการสกัดกัญชา ซึ่งต้องมี THC ไม่เกิน
0.2%
ขณะที่ส่วนต่างๆ ของ ‘กัญชง’ ที่ไม่จัดเป็นยาเสพติด ได้แก่ เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน ราก ใบ ซึ่งไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วย สารสกัด CBD ที่มี THC ไม่เกิน 0.2% เมล็ด น้ำมันหรือสารสกัดจากเมล็ด และกากที่เหลือจากการสกัดกัญชง ซึ่งต้องมี THC ไม่เกิน 0.2%
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
เท่ากับว่าเป็นการคลายล็อกให้ประชาชนและเอกชน
สามารถใช้ประโยชน์จากส่วนเหล่านี้ของกัญชาและกัญชงได้ แต่มีข้อกำหนดว่าต้องได้มาจากสถานที่ปลูกหรือผลิตในประเทศ
และได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้น ส่วนกรณีการนำเข้าสามารถนำเข้าได้ โดยขออนุญาตเป็นยาเสพติด
ยกเว้นเปลือกแห้ง แกนลำต้นแห้ง และเส้นใยแห้ง ได้รับการยกเว้นไม่เป็นยาเสพติดตามประกาศนี้
ทั้งนี้
กระทรวงสาธารณสุขระบุว่าประชาชนตั้งแต่ 7 คนขึ้นไป สามารถรวมกลุ่มตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนให้ถูกต้องตามกฎหมาย
เพื่อป้องกันการนำเอาไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง ทำสัญญาร่วมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
(รพ.สต.) หรือหน่วยงานภาครัฐ
หรือหน่วยงานสาธารณสุข
ซึ่งเป็นไปตามโมเดลต้นแบบ “โนนมาลัยโมเดล” อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
ที่วิสาหกิจชุมชนปลูกกัญชาครัวเรือนละ 6 ต้น นำผลผลิตส่งโรงพยาบาลเพื่อนำไปแปรรูปสร้างรายได้
อีกด้านหนึ่งทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยกรมวิชาการเกษตร ผู้ดูแลต้นน้ำการผลิต ก็ได้ขึ้นทะเบียน ‘กัญชาพันธุ์อิสระ 01’ ซึ่งพัฒนาคัดเลือกพันธุ์โดยกรมการแพทย์ กรมวิชาการเกษตร
และมูลนิธิวนเกษตรอินทรีย์ โดยสำนักคุ้มครองพันธุ์พืชได้ตรวจสอบเอกสารและลักษณะประจำพันธุ์เบื้องต้นของพืชดังกล่าวตามหลักวิชาการเรียบร้อยแล้ว
เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา
กัญชาพันธุ์อิสระ 01 ได้มาจากการพัฒนาคัดเลือกกลุ่มประชากรกัญชาสายพันธุ์ไทยที่ปลูกอยู่ในเขตพื้นที่ภาคเหนือ
ระยะเวลาในการดำเนินการปรับปรุงพันธุ์ประมาณ 24 ปี จึงได้ตั้งชื่อพันธุ์นี้เพื่อสื่อความหมายถึงกัญชาสายพันธุ์ดีของประเทศไทยที่มีสาร
Cannabinoid (CBD) ซึ่งมีสรรพคุณทางยา ได้รับการปลดปล่อยให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้
และทันทีที่นโยบายส่งเสริมพืชเศรษฐกิจตัวใหม่เป็นรูปเป็นร่าง
ผู้ประกอบการในธุรกิจต่างๆ ได้ประกาศนโยบายขานรับทันที่ โดยเฉพาะกลุ่ม บจ. กว่า 10 บริษัท ทั้งด้านเกษตร อาหาร
เครื่องดื่ม ต่างแสดงความสนใจในประเด็นดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม
การเพาะปลูกกัญชาจะต้องใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน จึงคาดว่าจะสามารถเก็บผลผลิตมาสกัดน้ำมัน CBD หรือในช่วงไตรมาส
4 ปี 2564 แต่ก็นับว่านี่เป็นการจุดประกายสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
ซึ่งจะสามารถต่อยอดไปผลิตเป็นสินค้าส่งออกในอนาคต
โดยมีตัวเลขการคาดการณ์จากข้อมูลสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า แนวโน้มตลาดกัญชาและกัญชงจะมีมูลค่ากว่า 1.03 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
ในปี 2567 และปัจจุบันมีประเทศที่ปลดล็อกกัญชาทั้งหมดและปลดล็อกบางส่วนรวม
69 ประเทศ จาก 193 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นสัดส่วน
36% ของประเทศ หรือประมาณ 1 ใน 3 ของโลกเลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม
ผู้ส่งออกยังต้องศึกษากฎระเบียบการส่งออกของแต่ละประเทศ ซึ่งยังมีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน
อาจจะใช้เพื่อทางการแพทย์ หรือสันทนาการ มีทั้งที่เปิดเสรีและปลดล็อกแบบมีเงื่อนไข
เช่นเดียวกับไทยหรือบางประเทศมีกฎระเบียบที่แตกต่างกันในแต่ละเมืองและแต่ละรัฐ
หากไทยสามารถปฏิบัติได้ก็ย่อมจะสร้างโอกาสทางธุรกิจในอนาคต