กระแสรักษ์โลก ลดใช้ถุงพลาสติกกำลังมาแรงไม่ใช่แค่ที่ไทยเท่านั้น
ในต่างประเทศและกลุ่มประเทศ EU เองก็มีการออกมาเคลื่อนไหวเรื่องงดใช้ขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้สมาชิกในกลุ่ม EU ได้ลงมติเห็นชอบในที่ประชุมตั้งแต่เดือนมีนาคม
พ.ศ.2562 ให้งดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง 10 ประเภท เช่น หลอด มีด ส้อม
ไม้ปั่นหู จาน ด้ามลูกโป่ง ที่ใส่อาหาร เครื่องดื่มทำจากสารพอลีสไตรีน
ซึ่งเป็นขยะพลาสติกที่พบมากบริเวณชายหาดยุโรปให้มีผลบังคับใช้ภายในปีพ.ศ.2564
เพื่อให้เกิดการตื่นตัวด้านการรีไซเคิลและรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น
สำหรับประเทศไทยเป็นช่วงที่ประชาชาชนคนทั่วไปและผู้ประกอบการกำลังปรับตัว เพื่อหาสิ่งที่สามารถมาใช้แทนที่เม็ดพลาสติกได้ ซึ่งระหว่างที่รอการศึกษาค้นคว้าวิจัยหาวัสดุอื่นมาแทนเม็ดพลาสติกนี้ อยากขอนำเสนอหนทางเลือก เพื่อเราชาวโลกได้ช่วยกันรักษ์สิ่งแวดล้อมบนผืนโลกไว้ให้ถึงมือลูกหลาน ด้วยการหันมาใช้ “ชามใบไม้” แทนพลาสติกและโฟม
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
วิวัฒนาการชามใบไม้
การใช้ใบไม้มาแทนวัสดุหุ้มห่ออาหารนั้นมีมานานตั้งแต่บรรพกาลแล้ว
ดังจะเห็นได้จากวัฒนธรรมไทยเดิม ชาวชนบท นิยมนำใบไม้ใบหญ้า เช่น ต้นกก ปรือ หญ้าคา
ใบตองตึง มาทำหลังคาหรือฝาเรือน และนำใบตองกล้วยมาห่อขนม เช่น ขนมใส่ไส้ ขนมเทียน
ข้าวต้มมัด ทำกระทง ฯลฯ มากมาย ในรูปแบบใบสด ก่อนจะค่อยๆ เลือนหายไปเพราะมีพลาสติก
กล่องโฟม เข้ามาแทนที่จากนั้นกลับมาทวงบันลังก์จนโด่งดังอีกครั้ง
หลังจากชาวอินเดียมีการนำใบไม้มาทำชามอาหาร
แล้วเรื่องราวนี้ถูกนำมาเผยแพร่ บอกต่อผ่านสื่อโซเชียล จนกลายเป็นกระแสแชร์ต่อมากมายในโลกโซเชียล
เมื่อประมาณปี พ.ศ.2559 อินเดียมีการผลิตชามใบไม้แบบอุตสาหกรรมในครัวเรือน
จากการนำใบไม้มาเย็บติดต่อกันเพื่อขึ้นรูปทรง เป็นรูปทรงต่างๆ
เช่นเดียวกับจานชามปกติทั่วไป มีชื่อเรียกว่า Tapari (ปัจจุบันพัฒนาเป็นอุตสากรรมขนาดย่อมมีการใช้เครื่องปั้มขึ้นรูปเข้ามาแทนการเย็บด้วยจักรหรือมือ)
ต่อมาในปีเดียวกัน วิศวกรชาวเยอรมนีโดยบริษัท
Leaf Republic ได้มีการต่อยอดไอเดียจากแนวคิดการทำชามใบไม้ของชาวอินเดีย
ด้วยการออกแบบแม่พิมพ์ช่วยขึ้นรูปชามใบไม้ทรงสวยงามทำจากใบไม้ 3 ชั้น ใช้ใบไม้ชนิดหนึ่งที่หาได้จากแถบเอเชียตะวันออก
มีกรรมวิธีการผลิตคือ นำใบไม้มาเย็บอัดแน่นเป็นแผนรองด้านล่าง จากนั้นเสริมความแข็งแรงทนทานด้วยโครงชามกระดาษใบไม้
แล้วปิดทับด้วยชั้นใบไม้ด้านบนก่อนปั๊มเข้ารูปทรง มีความแข็งแรงสูงกันน้ำได้ ใช้ระยะเวลาย่อยสลายตามธรรมชาติ
28 วัน
พัฒนาการชามใบไม้ในเมืองไทย
ส่วนพัฒนาการชามใบไม้ในบ้านเรานั้นเริ่มจากในปี
พ.ศ.2559 หลังมีกระแสในโลกโซเชียล ได้มีนักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก
ผลิตชามใบจากใบทองกาว เคลือบกาวแป้งมันขึ้นมาใช้แทนชามกระดาษหรือโฟม มีความทนร้อน
ทนเย็น เหมาะสำหรับการใช้ตามงานอีเว้นท์ต่างๆ
จากนั้นเริ่มมีการผลิตชามใบไม้จากใบไม้ขึ้นใช้ในเมืองไทยอย่างแพร่หลาย
โดยเปลี่ยนวัสดุใบไม้ไปตามวัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น เช่น กาบหมาก ใบโกโก้ ใบสักฯ ก่อนจะค่อยๆ
เงียบหายไป
แล้วพลิกกลับมาเป็นกระแสใหม่ในช่วงที่ประเทศไทยลุกขึ้นมาเอาจริงเอาจังกับการลดใช้ถุงพลาสติก
ซึ่งจริงๆ
แล้วในช่วงที่กระแสตกไป ยังมีกลุ่มเกษตรกรชาวแม่ฮ่องสอนชื่อ
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนสร้างป่า สร้างรายได้ บ้านทบศอก ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมือง
จังหวัดแม่ฮ่องสอน ยังคงผลิตจานใบไม้จากป่าสักในชุมชนออกจำหน่ายอยู่เรื่อยมา
ตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี ที่ได้มอบเครื่องปั๊มจานใบไม้ให้แก่ชุมชน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์และสร้างรายได้ให้กับชุมชน
อันเป็นจุดเริ่มต้นของการรณรงค์ลดปัญหาหมอกควันไฟป่าของจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ชามใบไม้นี้กลายเป็นแหล่งรายได้หลักทดแทนการปลูกพืชหลัก หอม กระเทียม กะหล่ำปลี ที่ขายไม่ดี ของชาวชุมชนแห่งนี้ไปแล้ว ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่ได้มีการคาดการณ์อะไรล่วงหน้าว่า เทรนด์รักษ์โลกจะมา แค่ก้มหน้าก้มตาผลิตชามใบไม้ พร้อมออกแบบแผนพัฒนาต่อยอดต่อไปในอนาคตด้วยความเชื่อมั่นว่า
“เมื่อเรารักษ์โลกและส่งพลังบวกเข้าสู่จักรวาล
จักรวาลก็จะตอบแทนสิ่งดีๆ กลับคืนมาสู่ชีวิตของพวกเขาเช่นกัน” และหลังจากมีการนำชามใบไม้ไปร่วมออกงาน
“ก้าวคนละก้าว” กับคุณตูน บอดี้สแลม
ก็กลายเป็นว่ากำลังการผลิตชามใบไม้ที่ผลิตได้ ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดอีกเลย
แหล่งอ้างอิง :