ผลจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ร้านค้าปลีก
ร้านเอาต์เลตเสื้อผ้าทั่วโลกต้องปิดตัวไปกว่า 70% โดยเฉพาะสหรัฐ-สหภาพยุโรป
หรือแม้แต่ตลาดในเอเชีย
ส่งผลกระทบเชื่อมโยงถึงผู้ผลิตเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มทั่วโลก
แต่ทว่าอีกด้านหนึ่งความต้องการชุด PPE หรือ Personal Protective Equipment และหน้ากากอนามัย กลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จึงเป็นโอกาสที่ผู้ผลิตเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มทั่วโลก จะปรับการผลิตสินค้ารองรับวิถีใหม่ หรือ New Normal
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ยกตัวอย่างในญี่ปุ่นมีการปรับตัวและพัฒนานวัตกรรมของผู้ผลิตญี่ปุ่น
ซึ่งหันมาผลิตหน้ากากอนามัย เพื่อแก้ปัญหาสินค้าขาดแคลน หลายต่อหลายบริษัท เช่น
บริษัทผู้ผลิตเสื้อผ้า Liftestyle Account ได้เปิดตัวหน้ากากอนามัยแบรนด์
Factelier ซึ่งมีการนำกระดาษดั่งเดิมของญี่ปุ่น ที่เรียกว่า washi
มาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตความหนา 3 ชั้นมีตัวกรอง
โดยส่วนที่สัมผัสกับผิวหนังทำจากส่วนผสมของกระดาษชนิดนี้และฝ้าย มีราคาจำหน่ายประมาณชิ้นละ
700 บาท
บริษัทสิ่งทอ Mitsufuji
Corp. ผลิตหน้ากากอนามัยแบรนด์ hamon AG ที่ใช้วัสดุเคลือบโลหะพิเศษ
ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกำจัดกลิ่น และต้านทานเชื้อแบคทีเรีย มีความทนทานสูง
สามารถนำมาซักได้ 50 ครั้ง จำหน่ายราคาชิ้นละ 1,100 บาท หรือบริษัท Yamamoto
Corp. ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากยาง
ได้พัฒนาสินค้าหน้ากากอนามัยแบรนด์ BIOLA ซึ่งทำจากวัสดุที่ใช้สำหรับผลิตชุดดำน้ำ
จุดเด่นมีรูระบายอากาศ เล็กๆสำหรับหายใจ และสามารถใช้ผ้าก็อตหรือทิชชูระหว่างหน้ากากเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ราคา 495 - 660 บาท หรือแม้แต่ผู้ผลิตชุดชั้นในอย่าง Utex Co. ผลิตสินค้าหน้ากากอนามัยแบรนด์ Smoon โดยนำเทคโนโลยีผลิตเสื้อผ้าซับในมาประยุกต์ทำให้ผิวสัมผัสนุ่มนวลราคาประมาณชิ้นละ
220 บาท
ปรากฎการณ์ปรับไลน์การผลิตดังกล่าว มีจุดเริ่มต้นจากปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัย
กระทั่งรัฐบาลญี่ปุ่นต้องขอความร่วมมือให้ภาคเอกชนเพิ่มการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์
ทั้งหน้ากากอนามัย น้ำยาฆ่าเชื้อ และชุด PPE โดยรัฐบาลสนับสนุนการลงทุนในการซื้อเครื่องจักรเพิ่ม
สถานการณ์ของผู้ผลิตไทยเองก็ไม่ได้แตกต่างไปจากญี่ปุ่น
โดยก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการกลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ที่ลงทุนปรับปรุงเครื่องจักรและสายการผลิตเดิมมาเป็นผลิตเครื่องมือแพทย์หรือชิ้นส่วน
รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ จะได้สิทธิประโยชน์จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
(บีโอไอ) ซึ่งจะยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร แต่ต้องนำเข้าภายในปี 2563
โดยเอกชนยื่นขอแก้ไขโครงการภายในเดือนกันยายน 2563 และกิจการผลิต non-woven
fabric ที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตหน้ากากอนามัย
หรืออุปกรณ์การแพทย์ จะได้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปี
นายยุทธนา ศิลป์สรรค์วิชช์
นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย
ยอมรับว่าภาพรวมการส่งออกสินค้าเครื่องนุ่งห่มลดลงอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ตลาดส่งออกเครื่องนุ่งห่ม 3 เดือนแรกปี 2563 การส่งออกเครื่องนุ่งห่มติดลบ
5.7% โดยมีมูลค่าส่งออก 18,512 ล้านบาท ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมกว่า
2,200 ราย มีแรงงานในอุตสาหกรรม 4-5 แสนคนจำเป็นต้องปรับตัว โดยการผันตัวสู่ medical
textile เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจต่อไป
โดยก่อนหน้านี้โรงงานในประเทศไทยแทบทุกโรงงาน ปรับตัวมาผลิตหน้ากากอนามัยผ้า ซึ่งคาดว่าเฉพาะในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2563 จะมีผลผลิตออกมา 40 -50 ล้านชิ้น และมีอีกประมาณ 13 โรงงานที่หันมาพัฒนาชุด PPE เพื่อประคองธุรกิจจากส่งออกได้รับผลกระทบให้สามารถรักษาการจ้างแรงงานไว้ให้ได้