ทั้งจากปัญหาฝุ่นละองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5
ไมครอน หรือ PM 2.5 หรือแม้แต่การป้องกันการติดต่อของเชื้อไวรัส
COVID-19
ทำให้คนไทยต้องสวมใส่หน้ากากป้องกันจนกลายเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานของชีวิตประจำวันในขณะนี้
โดยเฉพาะในช่วงที่หน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งเริ่มมีราคาสูง
แถมมีข้อจำกัดคือใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ผู้คนเลยหันมาผลิตหน้ากากผ้าใช้เอกมากขึ้น
แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า ‘ปลอดภัย’
ล่าสุดสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ได้ออกฉลากคุณภาพหน้ากากผ้า Smart เน้นการดักจับฝุ่นและละอองไอจาม การซึมผ่านได้ของอากาศ ความคงทนของสี คุณภาพของสีที่ใช้ย้อมรวมทั้งผ้าที่ใช้ต้องไม่เป็นสารก่อมะเร็ง และการสะท้อนน้ำ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ดร.ชาญชัย สิริเกษมเลิศ
ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่ง ระบุว่าจากสถานการณ์การแพร่กระจายของเชื้อไวรัส
Covid-19 ในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น
ส่งผลกระทบให้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ และหน้ากากอนามัยทั่วไป ที่ใช้วัสดุชนิดผ้าไม่ทอ
ไม่ถักที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Non woven) มีความต้องการใช้สูง
มีราคาสูงขึ้นและขาดตลาด ส่งผลให้ประชาชนหันมาใช้หน้ากากผ้าซึ่งเป็นวัสดุทางเลือก
และเกิดความต้องการอย่างทวีคูณ
สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ
ในฐานะหน่วยงานเครือข่ายของกระทรวงอุตสาหกรรม
มีภารกิจสนับสนุนและส่งเสริมองค์ความรู้ในด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอ ได้จัดเสวนากลุ่ม (Focus group) โดยเชิญหน่วยงานภาครัฐ
ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมสิ่งทอ รวมทั้งสมาคม และสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้อง
เพื่อร่วมหารือทิศทางการพัฒนาเกณฑ์ข้อกำหนดประสิทธิภาพหน้ากากผ้าสำหรับภาคประชาชน
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2563 เพื่อเสนอคณะกรรมการบริหารเครื่องหมายคุณภาพสิ่งทอไทย
โดยคณะกรรมการได้มีมติเห็นชอบในหลักเกณฑ์และอนุมัติให้ใช้เครื่องหมาย Smart Fabric หน้ากากผ้าเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563 โดยต้องผ่านการทดสอบและมีประสิทธิภาพสามารถใช้งานซ้ำ และผ่านการซักล้างอย่างน้อย 10 ครั้งขึ้นไป ดังนี้
1. สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก 0.5
ไมครอน ไม่น้อยกว่า 65% โดยคุณสมบัติดังกล่าวยังสามารถกัน PM 2.5 ได้ (หัวข้อทดสอบ Sub-micron particulate
filtration efficiency at 0.5 micron โดยข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพ
คือ มากกว่า 65%)
2. การซึมผ่านได้ของอากาศ (1 – 50
ซีซี ต่อพื้นที่ตารางเซนติเมตรต่อวินาที)
โดยหากอากาศยิ่งผ่านได้มากประสิทธิภาพการป้องกันฝุ่นละอองไอจามก็จะยิ่งน้อย
3.
ความคงทนของสีต่อการซักอยู่ระดับปานกลาง (หัวข้อการทดสอบ ความคงทนของสีต่อการซัก
อ้างอิงมาตรฐานสากลโดยใช้เกณฑ์ลำดับที่ 1 สีตกมากจนถึงลำดับที่ 5 คือสีไม่ตกเลย)
โดยข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพคือมากกว่า 3
4.
คุณภาพของสีสารเคมีที่ใช้ย้อมและคุณภาพผ้าต้องปลอดภัยไม่มีสารก่อมะเร็ง
(หัวข้อการทดสอบ ปริมาณสีเอโซ และการทดสอบฟอร์มัลดีไฮด์)
5. การสะท้อนน้ำ
เพื่อสร้างความมั่นใจอีกหนึ่งขั้นของการสวมใส่ (หัวข้อการทดสอบการสะท้อนน้ำ)
“โดยจะมีกระบวนการทดสอบและตรวจสอบสถานที่ผลิต สุ่มตัวอย่าง จะใช้เวลาประมาณ 7 วันทำการ เมื่อผู้ประกอบการได้ทดสอบผ่านหลักเกณฑ์ดังกล่าว และได้รับการอนุมัติให้ใช้สัญลักษณ์คุณภาพ Smart Fabric ผู้ประกอบการมีสิทธิ์ในการใช้ป้ายแขวน (Hang tag) Smart Fabric แสดงการทดสอบและคุณสมบัติพิเศษที่ได้ผ่านการรับรอง บนผลิตภัณฑ์หน้ากากผ้า หรือบนบรรจุภัณฑ์ แผ่นโฆษณา และการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์บนสื่อต่างๆ ได้ เพื่อเป็นการสื่อสารถึงผู้บริโภค และสร้างความเชื่อมั่นในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์หน้ากากผ้าที่มีความปลอดภัย โดยทันทีที่ผลการทดสอบออกสถาบันฯ จะเร่งประชาสัมพันธ์เผยแพร่ในเว็บไซต์ www.thaitextile.org facebook : Thailand Textile Institute ซึ่งเป็นช่องทางหลัก รวมทั้งช่องทางอื่นๆ" ดร.ชาญชัย กล่าว
สำหรับสัญลักษณ์คุณภาพ
Smart Fabric เป็นสัญลักษณ์ภาคสมัครใจ
และได้พัฒนาต่อยอดจากข้อแนะนำคุณลักษณะผ้าที่ใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัยสำหรับประชาชน
เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา
ด้วยเหตุนี้ สถาบันฯ สิ่งทอ
จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการนำผ้าที่จะนำไปผลิตหน้ากากมาทดสอบ
เพื่อสร้างความมั่นใจต่อประชาชน ว่าจะมีความปลอดภัยต่อผู้สวมใส่
ไม่ส่งผลต่อสุขภาพในอนาคต
ภาพ : facebook Thailand Textile Institute