จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการพัฒนารูปแบบการค้าปลีกจากแบบเดิมไปสู่รูปแบบใหม่อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในยุคโควิด 19 ตลาดสินค้าแม่และเด็กเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างมาก ความต้องการของทั้งคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ เด็กที่กำลังจะเติบโต รวมทั้งครอบครัวที่มีเด็กอยู่แล้ว ความต้องการสินค้าและบริการสำหรับบุคคลในครอบครัวมีความสัมพันธ์กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ แสดงให้เห็นถึงโอกาสต่างๆ ที่ผู้ประกอบการไทย จะนำไปเพื่อพิจารณาในการเจาะตลาดกลุ่มดังกล่าว
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
New Retail จะต่อชีวิตธุรกิจ
แนวคิด New Retail หรือการค้าปลีกรูปแบบใหม่ที่นำอีคอมเมิร์ซมาใช้ควบคู่กับการพัฒนาร้านค้าปลีกแบบออฟไลน์เพื่อพัฒนารูปแบบการให้บริการ
โดยร้านค้าออฟไลน์มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มเติมประสบการณ์การทดลองสินค้า เพิ่มพื้นที่ร้านค้า
เพิ่มพื้นที่ชั้นวางสินค้า เพิ่มความหลากหลายของสินค้า
ตลอดจนการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้เข้าถึงระบบออนไลน์ให้มากขึ้น
ส่วนร้านค้าออนไลน์มุ่งเน้นไปที่การให้บริการที่มีความสะดวกรวดเร็วของการสั่งซื้อ
จัดส่ง ตลอดจนบริการรับคืนสินค้าต่างๆ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม
และสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่อยู่ห่างไกลจากร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้นำเข้ารายใหญ่ๆ ต่างพัฒนาธุรกิจให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ใหม่ของผู้คน
พร้อมที่จะตอบสนองความต้องการได้ทันท่วงที พร้อมทั้งมีการนำ Big Data เข้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น
มีลูกอีกคน..แต่ไม่จนไป 7 ปี
จากการคาดการณ์ของศาสตราจารย์ Liang Jianzhang ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งชี้ว่า
นโยบายลูกคนที่สองจะทำให้อัตราการเกิดของประชากรจีนเพิ่มขึ้นปีละ 2.5 ล้านคน
ซึ่งจะทำให้อัตราการบริโภคภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้นประมาณปีละ 7.5 หมื่นล้านหยวน
หรือราว 1.18 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
โดยในหนึ่งปีเด็กเกิดใหม่หนึ่งคนจะใช้จ่ายเป็นเงินราว 30,000 หยวน ซึ่งจากนโยบายนี้ทำให้จีนเข้าสู่ยุคเบบี้บูมในทศวรรษหน้า
ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการเติบโตของตลาดสินค้าแม่และเด็ก การศึกษา และอาหารเด็กในจีน
เช่นกัน
การยกระดับของผู้บริโภคชนบท
ข้อมูลสำรวจจากบริษัท iiMedia Research แสดงให้เห็นว่าครึ่งปีแรกของปี 2562
จีนมีประชากรชาวชนบทที่ใช้อินเตอร์เน็ตมากถึง 225 ล้านคน
และมีอัตราการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตร้อยละ 39.8
แสดงให้เห็นถึงความนิยมอินเตอร์เน็ตของชาวชนบทจีน ทำให้ความสามารถในการบริโภคของเมืองในชนบทมีการขยายตัว
ซึ่งการยกระดับการบริโภคของผู้บริโภคชาวชนบท อาจกลายเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันการพัฒนาการค้าปลีกรูปแบบใหม่ให้เติบโตได้มากขึ้นในอนาคต
โฟกัสอี-คอมเมิร์ซแบบข้ามพรมแดน
สินค้าแม่และเด็ก ถือเป็นหนึ่งใน
“กลุ่มสินค้าซูเปอร์สตาร์ในปี 2563”
โดยการสำรวจของแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซข้ามพรมแดน (Cross-border
E-commerce) รายใหญ่อย่าง Tmall Global ซึ่งเป็นการพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ
อาทิ การเติบโตของยอดขายในปีที่ผ่านมา และการเติบโตของยอดขายในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด
19 เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์กระชับสัดส่วนหลังคลอด ผลิตภัณฑ์ลดรอยผิวแตกลาย
นมแพะผง น้ำมันนวดสำหรับเด็ก ลิปสติกสำหรับหญิงตั้งครรภ์ รถเข็นเด็กแฝด
และกระเป๋าเด็กเล็ก
ขณะเดียวกันรัฐบาลยังให้การสนับสนุน
ประกาศจัดตั้งเขตนำร่องพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนแบบครบวงจร 46 แห่ง
เพื่อกระตุ้นการค้าระหว่างประเทศ
จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทยในการศึกษาข้อมูลแนวโน้มตลาด
และพฤติกรรมผู้บริโภคจีนในการซื้อสินค้าผ่าน Cross-border
E-commerce
กลุ่มสินค้าแม่และเด็กถือเป็นกลุ่มสินค้าที่อยู่ยงคงกระพันในแง่ของการเติบโต
เพราะในหลายประเทศให้ความสำคัญกับการมีบุตร ผลิตภัณฑ์ต่างๆ
จึงถูกคิดค้นออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการตั้งแต่คุณแม่ไปจนถึงลูกน้อยในแต่ละช่วงวัย
หากผู้ประกอบการไทยได้ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีนในเชิงลึกมากขึ้น ก็จะมีโอกาสครองใจคุณแม่นักช้อป
ซึ่งที่ผ่านมากรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดโครงการพัฒนาผู้ประกอบการสินค้าสำหรับแม่และเด็ก (Mom & Kids Project) ช่วยติดอาวุธทางความคิด
เติมเต็มทักษะและพัฒนาวิธีคิดใหม่ให้ผู้ประกอบการไทย
โดยเฉพาะการปรับเกมธุรกิจให้สอดคล้องกับตลาดสินค้าแม่และเด็ก ที่กำลังเปลี่ยนแปลงจากสถานการณ์โลกปัจจุบันอย่าง
New Normal ที่เกิดขึ้น
และทัศนคติการบริโภคที่มุ่งหน้าสู่ความยั่งยืนในทุกมุมโลก
แหล่งที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์